บทคัดย่อ
ชื่อเรื่อง การบริหารเพื่อพัฒนาคุณภาพสู่ความเป็นเลิศของโรงเรียน
เทศบาลเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี
ชื่อผู้วิจัย นางขวัญใจ สีลาสม
ตำแหน่ง รองผู้อำนวยการสถานศึกษา โรงเรียนเทศบาลเมืองปทุมธานี
วิทยฐานะ รองผู้อำนวยการชำนาญการ
สังกัด เทศบาลเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี
ปีการศึกษา 2559
การวิจัยเรื่อง การบริหารเพื่อพัฒนาคุณภาพสู่ความเป็นเลิศของโรงเรียนเทศบาลเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวทางการพัฒนาการบริหารเพื่อพัฒนาคุณภาพสู่ความเป็นเลิศของโรงเรียนเทศบาลเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี ใน 11 ด้าน ประกอบด้วย ด้านความเป็นผู้นำทางวิชาชีพ ด้านการมีวิสัยทัศน์และเป้าหมายร่วมกัน ด้านการจัดสภาพแวดล้อมและบรรยากาศที่เอื้อต่อการเรียนรู้ ด้านการมีจุดเน้นการเรียนการสอน ด้านการสอนมีจุดประสงค์ที่ชัดเจน ด้านความคาดหวังในความสำเร็จของนักเรียนสูง ด้านการเสริมแรงในเชิงบวก ด้านการติดตามความก้าวหน้าของนักเรียน ด้านการส่งเสริมความรับผิดชอบและสิทธิของนักเรียน ด้านการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างโรงเรียน บ้าน และชุมชน และด้านแหล่งการเรียนรู้ และเพื่อเปรียบเทียบการบริหารเพื่อพัฒนาคุณภาพสู่ความเป็นเลิศของโรงเรียนเทศบาลเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี จำแนกตาม อายุ และวุฒิการศึกษา กลุ่มตัวอย่างได้แก่ บุคลากรทาง
การศึกษา และผู้ปกครองที่มีบุตรหลานเรียนอยู่ในโรงเรียนเทศบาลเมืองปทุมธานี
ปีการศึกษา 2559 จำนวน 316 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถาม
มีลักษณะเป็นมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ ได้ค่าดัชนีความสอดคล้องตั้งแต่ .90 - 1.00 มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ .879 สถิติที่ใช้ในการ วิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ เฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์ความแปรปรวนแบบ ทางเดียว และการทดสอบค่าที ผลการวิจัย พบว่า
1. การบริหารเพื่อพัฒนาคุณภาพสู่ความเป็นเลิศของโรงเรียนเทศบาลเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี โดยรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า ส่วนใหญ่อยู่ในระดับมาก ได้แก่ ด้านความเป็นผู้นำทางวิชาชีพ ด้านการเสริมแรงในเชิงบวก ด้านการมีวิสัยทัศน์และเป้าหมายร่วมกัน ด้านการส่งเสริมความรับผิดชอบและสิทธิของนักเรียน ด้านการติดตามความก้าวหน้าของนักเรียน ด้านการมีจุดเน้นการเรียนการสอน ด้านการสอนมีจุดประสงค์ที่ชัดเจน ด้านการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างโรงเรียน บ้าน และชุมชน ด้านแหล่งการเรียนรู้ ด้านการจัดสภาพแวดล้อมและบรรยากาศที่เอื้อต่อการเรียนรู้ อยู่ในระดับมากยกเว้น ด้านความคาดหวังในความสำเร็จของนักเรียนสูง อยู่ในระดับปานกลาง เรียงตามลำดับ
2. การเปรียบเทียบการบริหารเพื่อพัฒนาคุณภาพสู่ความเป็นเลิศของโรงเรียนเทศบาลเมืองปทุมธานี จำแนกตามอายุ และวุฒิการศึกษา พบว่า
2.1 การบริหารเพื่อพัฒนาคุณภาพสู่ความเป็นเลิศของโรงเรียนเทศบาลเมืองปทุมธานีจังหวัดปทุมธานี จำแนกตามอายุโดยรวมแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านการติดตามความก้าวหน้าของนักเรียน และด้านแหล่งการเรียนรู้แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และเมื่อทดสอบความแตกต่างระหว่างกลุ่มเป็นรายคู่ตามวิธีการของ เชฟเฟ่ (Scheffe method) พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามที่มีอายุ มากกว่า 40 ปีขึ้นไป มีความคิดเห็นในการปฏิบัติการบริหารเพื่อพัฒนาคุณภาพสู่ความเป็นเลิศของโรงเรียนเทศบาลเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี แตกต่างกับผู้ตอบแบบสอบถามที่มีอายุ
ต่ำกว่า 30 ปี และตั้งแต่ 30-40 ปี อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยผู้ตอบแบบสอบถามที่มีอายุ มากกว่า 40 ปีขึ้นไป มีความคิดเห็นน้อยกว่า ผู้ตอบแบบสอบถามที่มีอายุ ต่ำกว่า 30 ปี และตั้งแต่ 30-40 ปี ตามลำดับ และทดสอบความแตกต่างระหว่างกลุ่มเป็นรายคู่ตามวิธีการของ เชฟเฟ่ (Scheffe method) พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามที่มีอายุ มากกว่า 40 ปีขึ้นไป มีความคิดเห็นในการปฏิบัติการบริหารเพื่อพัฒนาคุณภาพสู่ความเป็นเลิศของโรงเรียนเทศบาลเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี แตกต่างกับผู้ตอบแบบสอบถามที่มีอายุ ต่ำกว่า 30 ปี และตั้งแต่ 30-40 ปี อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยผู้ตอบแบบสอบถามที่มีอายุ มากกว่า 40 ปีขึ้นไป มีความคิดเห็นน้อยกว่า ผู้ตอบแบบสอบถามที่มีอายุ ต่ำกว่า 30 ปี และตั้งแต่ 30-40 ปี ตามลำดับ
2.2 การบริหารเพื่อพัฒนาคุณภาพสู่ความเป็นเลิศของโรงเรียนเรียนเทศบาลเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี จำแนกตามระดับการศึกษาโดยรวมแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านการจัดสภาพแวดล้อมและบรรยากาศที่เอื้อต่อการเรียนรู้และด้านการส่งเสริมความรับผิดชอบและสิทธิของนักเรียน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ .05