การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาและหาประสิทธิภาพของแบบฝึกเสริมทักษะสาระการเรียนรู้มารยาทและข้อควรปฏิบัติในอิสลาม รายวิชาอิสลามศึกษา กลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80
2) ศึกษาดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกเสริมทักษะสาระการเรียนรู้มารยาทและข้อควรปฏิบัติในอิสลาม รายวิชาอิสลามศึกษา 3) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนที่เรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะสาระการเรียนรู้มารยาทและข้อควรปฏิบัติในอิสลาม รายวิชาอิสลามศึกษา 4) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสาระการเรียนรู้มารยาทและข้อควรปฏิบัติในอิสลาม รายวิชาอิสลามศึกษากับเกณฑ์เป้าหมายของโรงเรียนที่กำหนดไว้ร้อยละ 70 ของคะแนนเต็มและของนักเรียนทั้งหมด และ 5) ศึกษาความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะสาระการเรียนรู้มารยาทและข้อควรปฏิบัติในอิสลาม รายวิชาอิสลามศึกษา
กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1/3 และ 1/4 โรงเรียนเทศบาล 1 (เอ็งเสียงสามัคคี) อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ปีการศึกษา 2559 โดยนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1/3 จำนวน 37 คน สำหรับวิเคราะห์หาประสิทธิภาพแบบฝึกเสริมทักษะ และนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1/4 จำนวน 36 คน สำหรับวิเคราะห์เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์สาระการเรียนรู้มารยาทและข้อควรปฏิบัติในอิสลาม รายวิชาอิสลามศึกษา ก่อนเรียนและหลังเรียน เปรียบเทียบกับเกณฑ์เป้าหมายของโรงเรียน และศึกษาความพึงพอใจต่อการสอนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะ ซึ่งได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะสาระการเรียนรู้มารยาทและข้อควรปฏิบัติในอิสลาม แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสาระการเรียนรู้มารยาทและข้อควรปฏิบัติในอิสลาม และแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะสาระการเรียนรู้มารยาทและข้อควรปฏิบัติในอิสลาม และวิเคราะห์ข้อมูลด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์โปรแกรม R เพื่อหาค่า E1 E2 ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบ t ที่กลุ่มตัวอย่างไม่เป็นอิสระต่อกัน (Paired Sample t-test)
ผลการศึกษามีดังนี้
1. แบบฝึกเสริมทักษะสาระการเรียนรู้มารยาทและข้อควรปฏิบัติในอิสลาม รายวิชาอิสลามศึกษา กลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 มีประสิทธิภาพของกระบวนการ (E1) และประสิทธิภาพของผลลัพธ์ (E2) เท่ากับ 86.19/ 82.50 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/ 80 ที่ตั้งไว้
2. แบบฝึกเสริมทักษะสาระการเรียนรู้มารยาทและข้อควรปฏิบัติในอิสลาม รายวิชาอิสลามศึกษา กลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 มีค่าดัชนีประสิทธิผล (E.I) ด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เท่ากับ 0.71 โดยก่อนเรียนนักเรียนมีผลรวมคะแนนเท่ากับ 265 คะแนน มีค่าเฉลี่ย 7.36 ในขณะหลังเรียนนักเรียนมีผลรวมคะแนนสูงขึ้นเท่ากับ 594 ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 16.50 แสดงว่านักเรียนส่วนใหญ่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น
3. นักเรียนมีคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสาระการเรียนรู้มารยาทและข้อควรปฏิบัติในอิสลาม หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .001 ซึ่งมีคะแนนก่อนเรียนเฉลี่ย 7.36 และหลังเรียนเฉลี่ย 16.50 และเมื่อพิจารณารายคนพบว่านักเรียนทั้ง 36 คนต่างมีคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียน
4. นักเรียนมีคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสาระการเรียนรู้มารยาทและข้อควรปฏิบัติในอิสลาม ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 70 จำนวน 36 คน คิดเป็นร้อยละ 100.00 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์เป้าหมายของโรงเรียนที่กำหนดไว้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 ของนักเรียนทั้งหมด
5. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะสาระการเรียนรู้มารยาทและข้อควรปฏิบัติในอิสลาม รายวิชาอิสลามศึกษา รวมโดยเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก (x̄ = 4.21, S.D. = 0.27) และเมื่อพิจารณาเป็นรายข้อผลปรากฏว่านักเรียนมีความพึงพอใจต่อเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะสาระการเรียนรู้อยู่ในระดับมากทั้ง 15 ข้อ