บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาแบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2)
เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์การอ่านจับใจความสำคัญสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ก่อนและหลังการใช้แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ 3) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อแบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนราษีไศล อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 จำนวน 42 คน ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญจำนวน 9เล่ม แผนการจัดการเรียนรู้ประกอบการใช้แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญจำนวน 9 แผน แบบทดสอบแบบวัดผลสัมฤทธิ์การอ่านจับใจความสำคัญ ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ มีค่าความยากง่าย ตั้งแต่ .23 ถึง .79 มีค่าอำนาจจำแนกตั้งแต่ .23 ถึง .69 และมีค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบเท่ากับ .73 และแบบวัดความพึงพอใจของนักเรียนเป็นชนิดมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5ระดับ จำนวน 15 ข้อ มีค่าอำนาจจำแนกรายข้อตั้งแต่ .33 ถึง .60 ค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ .83 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบสมมติฐาน
ใช้ t-test (Dependent Samples)
ผลการวิจัยพบว่า
1. แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
มีประสิทธิภาพเท่ากับ 82.44/83.27 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่กำหนด
2. สัมฤทธิ์ทางการอ่านจับใจความสำคัญสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
สูงกว่าก่อนใช้แบบฝึกทักษะอ่านจับใจความสำคัญอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีความพึงพอใจต่อแบบฝึกทักษะการอ่าน
จับใจความสำคัญโดยรวมอยู่ในระดับมาก