ชื่อเรื่อง การพัฒนาชุดการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม โดยใช้เทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมมือแบบกลุ่มช่วยรายบุคคล(TAI) เรื่อง การเมืองการปกครองไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
ผู้ศึกษา นายทำนอง คะสุดใจ
โรงเรียน ดอนเสียวแดงพิทยาคม อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม
ปีที่พิมพ์ 2559
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้ มีความมุ่งหมายดังนี้ 1) เพื่อการพัฒนาชุดการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม โดยใช้เทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมมือแบบกลุ่มช่วยรายบุคคล(TAI) เรื่อง สังคมไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนหลังได้รับการจัดการเรียนรู้ด้วยชุดการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม โดยใช้เทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมมือแบบกลุ่มช่วยรายบุคคล(TAI) เรื่อง สังคมไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 3) เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของการเรียนรู้ด้วยชุดการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม โดยใช้เทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมมือแบบกลุ่มช่วยรายบุคคล(TAI) เรื่อง สังคมไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนหลังได้รับการจัดการเรียนรู้ด้วยชุดการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม โดยใช้เทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมมือแบบกลุ่มช่วยรายบุคคล(TAI) เรื่อง สังคมไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนดอนเสียวแดงพิทยาคม อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 22
ที่เรียนในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2558 จำนวน 28 คน โดยใช้วิธีการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ คือ ชุดการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม โดยใช้เทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมมือแบบกลุ่มช่วยรายบุคคล(TAI) เรื่อง สังคมไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 7 ชุด แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก (Multiple Choice) ประกอบด้วยข้อคำถาม 30 ข้อ ซึ่งมีค่าอำนาจจำแนก (r) ตั้งแต่ 0.33 ถึง 0.78
มีค่าความยาก (p) ตั้งแต่ 0.29 ถึง 0.66 และค่าความเชื่อมั่น (rcc) ทั้งฉบับของแบบทดสอบ เท่ากับ 0.84 และแบบประเมินความพึงพอใจชนิดมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ
(Rating scale) ประกอบด้วยข้อคำถาม 10 ข้อ มีค่าอำนาจจำแนกรายข้อระหว่าง
1.00 ถึง 3.16 มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.81 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติ t-test (Dependent Samples)
ผลการศึกษาพบว่า
1. ประสิทธิภาพของชุดการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม โดยใช้เทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมมือแบบกลุ่มช่วยรายบุคคล(TAI) เรื่อง การเมืองการปกครองไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่ผู้ศึกษาพัฒนาขึ้น พบว่า มีประสิทธิภาพเท่ากับ 82.22 / 80.49 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ คือ 80 / 80
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ด้วยชุดการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม โดยใช้เทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมมือแบบกลุ่มช่วยรายบุคคล(TAI) เรื่อง การเมืองการปกครองไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. ค่าดัชนีประสิทธิผลของการเรียนรู้ด้วยชุดการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม โดยใช้เทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมมือแบบกลุ่มช่วยรายบุคคล(TAI) เรื่อง การเมืองการปกครองไทยไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4มีค่าเท่ากับ 0.7257 คิดเป็นร้อยละ 72.57 นักเรียนมีความก้าวหน้าทางการเรียนอยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด คือ มีค่าเข้าใกล้ 1
4. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อชุดการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม โดยใช้เทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมมือแบบกลุ่มช่วยรายบุคคล(TAI) เรื่อง การเมืองการปกครองไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4พบว่า นักเรียนมีความพึงพอใจในระดับมากที่สุด
โดยสรุป ชุดการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม โดยใช้เทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมมือแบบกลุ่มช่วยรายบุคคล(TAI) เรื่อง การเมืองการปกครองไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลเหมาะสม ทำให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงขึ้นและมีความพึงพอใจมากที่สุด ดังนั้น ชุดการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม โดยใช้เทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมมือแบบกลุ่มช่วยรายบุคคล(TAI) เรื่อง การเมืองการปกครอง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่พัฒนาขึ้นจึงสามารถนำไปใช้ในการเรียนการสอนได้อย่างเหมาะสม