เรื่อง การพัฒนาแบบฝึกทักษะพื้นฐานภาษาไทย ชั้นอนุบาลปีที่ 2
ผู้วิจัย นางสาวกฤษฎาภรณ์ ทิพใส
ปีที่ศึกษา ปีการศึกษา 2558
บทคัดย่อ
ภาษาไทยเป็นเอกลักษณ์ของชาติ เป็นสมบัติทางวัฒนธรรม อันก่อให้เกิดความเป็นเอกภาพและเสริมสร้างบุคลิกภาพของคนในชาติให้มีความเป็นไทย ภาษาจึงเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ ที่ต้องอาศัยทักษะการฟัง การพูด ซึ่งเป็นพื้นฐานของการอ่านและการเขียน ดังนั้นการพัฒนาภาษาควรเริ่มตั้งแต่เด็กปฐมวัยเพราะเด็กในวัย 2 7 ปี เป็นวัยที่พัฒนาการทางภาษาเจริญงอกงามอย่างรวดเร็ว การวิจัยในครั้งนี้ มีความมุ่งหมายเพื่อพัฒนาแบบฝึกทักษะพื้นฐานภาษาไทย ชั้นอนุบาลปีที่ 2 ให้มีประสิทธิภาพ
ตามเกณฑ์ 80/80 เพื่อหาค่าดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะพื้นฐานภาษาไทย ชั้นอนุบาลปีที่ 2
เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 2 โดยใช้แบบฝึกพื้นฐานทางภาษาไทย ชั้นอนุบาลปีที่ 2 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ เป็นนักเรียนที่กำลังเรียนอยู่ชั้นอนุบาลปีที่ 2/1 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2558 ของโรงเรียนบ้านตูม (นพค.15กรป.กลางอุปถัมภ์) ตำบลตูม อำเภอศรีรัตนะ จังหวัดศรีสะเกษ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาศรีสะเกษ เขต 4 จำนวน 29 คน เป็นเด็กที่มีอายุต่างกัน (อายุระหว่าง 5 6 ขวบ) ซึ่งได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง เนื่องจากผู้วิจัยเป็นครูประจำชั้น เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แผนการจัดกิจกรรมเสริมประสบการณ์ มีแบบทดสอบ จำนวน 10 ข้อ มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.83 สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐานใช้สถิติ t test (Dependent) ผลการวิจัยพบว่า
1. ผลการใช้แผนการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะพื้นฐานภาษาไทย นักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 2
ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น มีประสิทธิภาพ 83.83/85.86
2. ค่าดัชนีประสิทธิผลของการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกทักษะพื้นฐานภาษาไทย นักเรียนชั้น
อนุบาลปีที่ 2 มีค่าเท่ากับ 0.6434 คิดเป็นร้อยละ 64.34
3. ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนชั้นอนุบาล
ปีที่ 2 ที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะพื้นฐานภาษาไทย ชั้นอนุบาลปีที่ 2 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้
โดยสรุป ผลการวิจัยครั้งนี้ สามารถนำไปใช้เป็นข้อมูลสารสนเทศที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ปกครอง ครู และผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้เป็นแนวทางในการส่งเสริมและพัฒนานักเรียนให้เป็นบุคคลที่มีทักษะทางภาษาต่อไป