|
|
ชื่องานวิจัย การพัฒนาสื่อมัลติมีเดียเพื่อส่งเสริมทักษะการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนสื่อความ
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒
ชื่อผู้วิจัย นางสุคนธ์ สุพรรณพงศ์ ตำแหน่งครู วิทยฐานะครูเชี่ยวชาญ
ปีที่ศึกษา ๒๕๕๘
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ ๑) เพื่อศึกษาสภาพปัญหาและแนวทางการพัฒนาการจัดการเรียนการสอน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ ๒) เพื่อสร้างและพัฒนาสื่อมัลติมีเดียเพื่อส่งเสริมทักษะการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนสื่อความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ ๘๐/๘๐ ๓) เพื่อศึกษาผลการใช้สื่อมัลติมีเดียเพื่อส่งเสริมทักษะการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนสื่อความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ ๔) เพื่อประเมินความพึงพอใจของผู้เรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้สื่อมัลติมีเดียเพื่อส่งเสริมทักษะการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนสื่อความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ แหล่งข้อมูลที่ใช้ในการศึกษาสภาพปัญหาและแนวทางการพัฒนาการจัดการเรียนการสอน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ ได้แก่ (๑) ครูผู้สอนภาษาไทย (๒) ผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ (๓) รายงานการประเมินผลการอ่าน คิดวิเคราะห์ และการเขียนสื่อความ ของผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ และ(๔) รายงานผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐาน( O-Net) ของผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ แหล่งข้อมูลที่ใช้ในการสร้างและพัฒนาสื่อมัลติมีเดียเพื่อส่งเสริมทักษะการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนสื่อความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับผู้เรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ ได้แก่ (๑) ผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจสอบความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา จำนวน ๕ ท่าน คือ (๑) ด้านหลักสูตรและการสอน ๑ ท่าน (๒) ด้านภาษาไทย ๒ ท่าน (๓) ด้านวัดผลประเมินผล ๑ ท่าน (๔) ด้านเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา ๑ ท่านได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) (๒) ผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ โรงเรียนเทศบาล ๓ (โศภนพิทยาคุณานุสรณ์) ปีการศึกษา ๒๕๕๘ ที่ใช้ในการทดลองหาประสิทธิภาพ แบบรายบุคคล จำนวน ๓ คน แบบกลุ่มเล็ก จำนวน ๙ คน และแบบภาคสนาม จำนวน ๓๐ คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) แหล่งข้อมูลที่ใช้ในการศึกษาผลการใช้สื่อมัลติมีเดียเพื่อส่งเสริมทักษะการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนสื่อความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ ได้แก่ เป็นผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒/๔ โรงเรียนเทศบาล ๓ (โศภนพิทยาคุณานุสรณ์) ปีการศึกษา ๒๕๕๘ จำนวน ๑ ห้องเรียน มีจำนวนผู้เรียนทั้งหมด ๓๗ คน ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) และแหล่งข้อมูลที่ใช้ประเมินความพึงพอใจของผู้เรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้สื่อมัลติมีเดียเพื่อส่งเสริมทักษะการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนสื่อความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ ได้แก่ เป็นผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒/๔โรงเรียนเทศบาล ๓ (โศภนพิทยาคุณานุสรณ์) ปีการศึกษา ๒๕๕๘ จำนวน ๑ ห้องเรียน มีจำนวนผู้เรียนทั้งหมด ๓๗ คน ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ (๑) แบบบันทึกสภาพปัญหาและแนวทางการพัฒนาการจัดการเรียนการสอน (๒) แบบสัมภาษณ์สภาพปัญหาและแนวทางการพัฒนาการจัดการเรียนการสอน (๓) สื่อมัลติมีเดียเพื่อส่งเสริมทักษะการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนสื่อความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ จำนวน ๑๐ เรื่อง (๔) แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน ๑๐ แผน (๕) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน ๑ ฉบับ เป็นแบบปรนัย ๓ ตัวเลือก จำนวน ๓๐ ข้อ ใช้เวลาในการสอบ ๑ ชั่วโมง (๖) แบบทดสอบวัดทักษะการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนสื่อความจำนวน ๑ ฉบับ มี ๔ ตอน ได้แก่ ตอนที่ ๑ประเมินทักษะการอ่าน ตอนที่ ๒ เลือกตอบถูก-ผิด จำนวน ๑๐ ข้อ ตอนที่ ๓ ประเมินการคิดวิเคราะห์ แบบปรนัย ๓ ตัวเลือก จำนวน ๑๐ ข้อ และตอนที่ ๔ การเขียนแสดงความคิดเห็น จำนวน ๒ ข้อ ใช้เวลาในการสอบ ๑ ชั่วโมง (๗) แบบประเมินความพึงพอใจของผู้เรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้สื่อมัลติมีเดียเพื่อส่งเสริมทักษะการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนสื่อความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ จำนวน ๑๐ ข้อ การเก็บรวบรวมข้อมูล ผู้วิจัยดำเนินการทดลองใช้เวลาในการจัดการเรียนรู้ เรื่องละ ๔ ชั่วโมง จำนวน ๘ สัปดาห์ สัปดาห์ละ ๕ ชั่วโมง รวมเวลา ๔๐ ชั่วโมง โดยใช้เวลาในช่วงสอนเสริมวันละ ๑ ชั่วโมง วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าสถิติ ได้แก่ ร้อยละ คะแนนเฉลี่ย ( ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ค่าประสิทธิภาพ (E๑/E๒) ความยากง่าย (p) อำนาจจำแนก (r) ค่าดัชนีความสอดคล้อง (Index of Item Objective Congruence : IOC) ความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา (Content Validity) ค่าความเชื่อมั่นโดยใช้สัมประสิทธิ์แอลฟา (Alpha-Coefficient) ของ Cronbach และการทดสอบทีแบบไม่เป็นอิสระต่อกัน (t test dependent)
ผลการวิจัยพบว่า
๑. ผลการศึกษาสภาพปัญหาและแนวทางการพัฒนาการจัดการเรียนการสอน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ ผลการศึกษาสภาพปัญหา คือ ผู้เรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ โรงเรียนเทศบาล ๓ (โศภนพิทยาคุณานุสรณ์) มีปัญหาเรื่องทักษะการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนสื่อความ มากที่สุด ดังจะเห็นได้จาก รายงานผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียนสื่อความ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ ในปีการศึกษา ๒๕๕๗ พบว่า ผู้เรียนร้อยละ ๕๗ มีผลการประเมินต่ำกว่าเกณฑ์ ที่โรงเรียนกำหนดไว้ที่ระดับดี และรายงานผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-Net) ของผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ ปีการศึกษา ๒๕๕๗ พบว่า กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย จากคะแนนเต็ม ๑๐๐ คะแนน คะแนนเฉลี่ยระดับโรงเรียน ร้อยละ ๔๔.๗๑ ผลการวิเคราะห์สาเหตุของปัญหา คือ (๑) ด้านผู้บริหาร ให้ความสำคัญต่อการใช้สื่อทางด้านเทคโนโลยีใหม่ ๆ น้อย (๒) ด้านครูผู้สอน เกิดจากการจัดการเรียนรู้แบบเดิม ๆ ใช้แต่หนังสือแบบเรียนอย่างเดียว ขาดเทคนิคการสอน ไม่ได้สร้างสื่อเพิ่ม (๓) ด้านผู้เรียน เกิดจากผู้เรียนบางคนอ่านหนังสือไม่คล่อง บางคนอ่านหนังสือได้ แต่ไม่สามารถคิดวิเคราะห์และเขียนสื่อความได้ อ่านแล้วแปลความ ตีความ บอกเหตุผลไม่ได้ และผู้เรียนบางคน เบื่อหน่ายไม่ชอบอ่านหนังสือ ขาดความสนใจในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนสื่อความ (๔) ด้านสื่อการสอน ขาดแคลนสื่อทางด้านเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ทันสมัย เร้าความสนใจผู้เรียนหรือนวัตกรรมที่เหมาะสมกับการพัฒนาทักษะการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนสื่อความ (๕) ด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและรายงานผลการสอบระดับชาติ ขั้นพื้นฐาน (O-Net) อยู่ในระดับต่ำกว่าเกณฑ์ (๖) ด้านพื้นฐานทางครอบครัว ผู้เรียนส่วนใหญ่มาจากครอบครัวแตกแยกขาดความอบอุ่นไม่มีผู้ดูแลเอาใจใส่เรื่องการเรียนเท่าที่ควร และส่วนหนึ่งผู้เรียนเป็นชาติพันธุ์ ผลการศึกษาแนวทางการพัฒนาการจัดการเรียนการสอน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ จากการสัมภาษณ์ ครูผู้สอนภาษาไทย และผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ พบว่า ต้องการให้สร้างสื่อมัลติมีเดียที่มีเนื้อหาเป็นนิทานสั้น ๆ เข้าใจง่าย เป็นเรื่องที่ผู้เรียนเคยอ่านเคยฟังมาแล้ว ซึ่งนิทานอีสปเป็นเรื่องที่น่าสนใจ เหมาะสมกับวัยของผู้เรียน ควรมีรูปภาพประกอบดึงดูดความสนใจ เพื่อเหมาะกับผู้เรียนที่อ่านไม่คล่อง และให้ผู้เรียนทำกิจกรรมในแบบทดสอบระหว่างเรียนด้วย โดยการฝึกจากง่ายไปหายาก มีแบบฝึกหัดท้ายเรื่องเพื่อฝึกทักษะการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนสื่อความ แบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน ดังนั้นแนวทางพัฒนาที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น คือ การพัฒนาสื่อมัลติมีเดียเพื่อส่งเสริมทักษะการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนสื่อความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒
๒. ผลการสร้างและพัฒนาสื่อมัลติมีเดียเพื่อส่งเสริมทักษะการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนสื่อความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ สร้างสื่อมัลติมีเดีย ๑๐ เรื่อง สอนเรื่องละ ๔ ชั่วโมง โดยใช้เวลาในช่วงสอนเสริมวันละ ๑ ชั่วโมง จำนวน ๔๐ ชั่วโมง หนังสือนิทานที่พัฒนาขึ้น มีค่าประสิทธิภาพ เท่ากับ ๘๖.๓๘/๘๕.๔๑ สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ๘๐/๘๐
๓. ผลการศึกษาผลการใช้สื่อมัลติมีเดียเพื่อส่งเสริมทักษะการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนสื่อความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ ส่งผลให้ผู้เรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียนสื่อความ หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .๐๑
๔. ผลการประเมินความพึงพอใจของผู้เรียนชั้นชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ ที่มีต่อการเรียนโดยใช้สื่อมัลติมีเดียเพื่อส่งเสริมทักษะการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนสื่อความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ อยู่ในระดับมากที่สุด ( =๔.๘๖, S.D.=.๓๑)
|
โพสต์โดย อิ๊ด : [28 พ.ย. 2559 เวลา 18:28 น.] อ่าน [5382] ไอพี : 171.100.78.52
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก
|
|
|
|
|
|
|
โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2. ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป
3. สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น
7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป
** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**
|
|
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡ เปิดอ่าน 13,738 ครั้ง
| เปิดอ่าน 19,624 ครั้ง
| เปิดอ่าน 10,827 ครั้ง
| เปิดอ่าน 31,835 ครั้ง
| เปิดอ่าน 15,663 ครั้ง
| เปิดอ่าน 11,619 ครั้ง
| เปิดอ่าน 17,114 ครั้ง
| เปิดอ่าน 1,616 ครั้ง
| เปิดอ่าน 9,659 ครั้ง
| เปิดอ่าน 15,385 ครั้ง
| เปิดอ่าน 34,567 ครั้ง
| เปิดอ่าน 16,582 ครั้ง
| เปิดอ่าน 19,991 ครั้ง
| เปิดอ่าน 16,733 ครั้ง
| เปิดอ่าน 13,329 ครั้ง
| |
|
เปิดอ่าน 17,489 ครั้ง
| เปิดอ่าน 49,195 ครั้ง
| เปิดอ่าน 112,438 ครั้ง
| เปิดอ่าน 45,871 ครั้ง
| เปิดอ่าน 7,923 ครั้ง
|
|
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด
|