ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ (STAD) กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ (ค22101) ช

คณิตศาสตร์เป็นศาสตร์ที่สำคัญยิ่งต่อการฝึกทักษะความรู้พื้นฐานในการดำรงชีวิต และสามารถพัฒนากระบวนการคิด ให้ผู้เรียนรู้จักคิดอย่างมีเหตุผล คิดอย่างรอบคอบ แสดงลำดับการคิดออกมาอย่างเป็นระเบียบ มีความสามารถวิเคราะห์ปัญหา และเป็นพื้นฐานของการเรียนรู้ในสาขา

วิชาอื่น ๆ แต่ปัจจุบันพบว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ต่ำมากโดยเฉพาะ ในระดับมัธยม ศึกษาตอนต้น ต่ำกว่าร้อยละ 50 ดังนั้น ผู้ศึกษาค้นคว้าจึงมีแนวความคิดที่จะนำเทคนิค วิธีสอน

ให้นักเรียนได้เรียนรู้ร่วมกันแบบการประสบความสำเร็จเป็นทีมประกอบชุดฝึกทักษะ โดยมี

ความมุ่งหมายของการศึกษาค้นคว้า คือ 1. เพื่อหาประสิทธิภาพของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้

แบบกลุ่มร่วมมือ (STAD) กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ (ค22101) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้ชุดฝึกทักษะ เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2. เพื่อหาดัชนีประสิทธิผลของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ (STAD) กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ (ค22101) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้ชุดฝึกทักษะ เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ และ 3. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ (STAD) กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ (ค22101) โดยใช้ชุดฝึกทักษะ เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 15 คน ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 โรงเรียนดงกลางพัฒนศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 24

ซึ่งได้มาโดยวิธีเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษามี 3 ชนิด คือ 1. แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ (STAD) เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ จำนวน 12 แผน 2. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ มีค่าอำนาจจำแนกรายข้อ อยู่ระหว่าง 0.22 ถึง 0.83 มีค่าความยาก อยู่ระหว่าง 0.24 ถึง 0.77 และ มีค่าความเชื่อมั่น ทั้งฉบับเท่ากับ 0.83 และ 3. แบบวัดความพึงพอใจของนักเรียน แบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ จำนวน 20 ข้อ มีค่าอำนาจจำแนกรายข้ออยู่ระหว่าง 0.31 ถึง 0.66 และค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับ เท่ากับ 0.92 สถิติที่ใช้ คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการศึกษา ปรากฏดังนี้

1. ประสิทธิภาพของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ (STAD) กลุ่มสาระ

การเรียนรู้คณิตศาสตร์ ( ค22101) เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้ชุดฝึกทักษะมีประสิทธิภาพ 86.26/83.33 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้

2. ค่าดัชนีประสิทธิผลของการพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ (STAD) กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ (ค 22101) เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ ชั้นมัธยมศึกษา

ปีที่ 2 โดยใช้ชุดฝึกทักษะ มีค่าเท่ากับ 0.7963 หมายความว่า การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ ทำให้นักเรียนมีความรู้เพิ่มขึ้นเท่ากับ 0.7963 คิดเป็นร้อยละ 79.63

3. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ

กลุ่มร่วมมือ (STAD) กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ (ค22101) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้ชุดฝึกทักษะ เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ โดยรวมมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.71 ) และเมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า นักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด จำนวน 16 ข้อ

และนักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก จำนวน 4 ข้อ

โดยสรุปผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 สามารถจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ (STAD) กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ (ค22101) โดยใช้ชุดฝึกทักษะเรื่อง อัตราส่วน และร้อยละ ที่ผู้ศึกษาค้นคว้าพัฒนาขึ้นสามารถจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ที่ส่งผล

ต่อทักษะและความสามารถในการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ทำให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนสูงขึ้น โดยควรมีการพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ (STAD) ประกอบชุดฝึกทักษะ ในกลุ่มสาระการเรียนรู้เนื้อหาอื่น ๆ และระดับชั้นต่าง ๆ เพื่อการเรียนรู้จะได้มีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลยิ่งขึ้น

โพสต์โดย นวรัตน์ โยวะบุตร : [3 ต.ค. 2559 เวลา 08:27 น.]
อ่าน [4341] ไอพี : 1.1.204.154
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โพสต์โดย

คุณ -

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 17,322 ครั้ง
ทําไมลูกไม่หายไอสักที ?
ทําไมลูกไม่หายไอสักที ?

เปิดอ่าน 11,145 ครั้ง
ว้าว น่าสนใจ คลิปวีดิโอ 7 เทคนิค ถ่ายรูปด้วยสมาร์ทโฟนให้สนุกขึ้น
ว้าว น่าสนใจ คลิปวีดิโอ 7 เทคนิค ถ่ายรูปด้วยสมาร์ทโฟนให้สนุกขึ้น

เปิดอ่าน 15,815 ครั้ง
"ข่า" แก้ไอเจ็บคอเสมหะผู้ใหญ่
"ข่า" แก้ไอเจ็บคอเสมหะผู้ใหญ่

เปิดอ่าน 53,978 ครั้ง
ความหมายของเทคโนโลยี
ความหมายของเทคโนโลยี

เปิดอ่าน 12,536 ครั้ง
วิธีฉีดน้ำหอมที่ถูกวิธี
วิธีฉีดน้ำหอมที่ถูกวิธี

เปิดอ่าน 86,357 ครั้ง
สนามไฟฟ้า (electric field)
สนามไฟฟ้า (electric field)

เปิดอ่าน 146,042 ครั้ง
เผยแพร่หลักสูตรสถานศึกษา(ฉบับปรับปรุง2560) ในรูปแบบไฟล์เวิร์ด โดยโรงเรียนบ้านฝาผนัง สพป.นครราชสีมา เขต 7
เผยแพร่หลักสูตรสถานศึกษา(ฉบับปรับปรุง2560) ในรูปแบบไฟล์เวิร์ด โดยโรงเรียนบ้านฝาผนัง สพป.นครราชสีมา เขต 7

เปิดอ่าน 14,580 ครั้ง
คำเตือน เมนทอส กับเบียร์ อันตรายถึงชีวิต
คำเตือน เมนทอส กับเบียร์ อันตรายถึงชีวิต

เปิดอ่าน 18,067 ครั้ง
พี่น้องร่วมสาบาน
พี่น้องร่วมสาบาน

เปิดอ่าน 32,301 ครั้ง
วิธีปลูก "ต้นหอม" ทานเอง
วิธีปลูก "ต้นหอม" ทานเอง

เปิดอ่าน 31,505 ครั้ง
เคยสังเกต โลโก้ 7-ELEVEn มั้ย..ทำไม n ถึงตัวเล็ก!!
เคยสังเกต โลโก้ 7-ELEVEn มั้ย..ทำไม n ถึงตัวเล็ก!!

เปิดอ่าน 9,635 ครั้ง
สอนลูกรู้จักใช้จ่าย
สอนลูกรู้จักใช้จ่าย

เปิดอ่าน 14,446 ครั้ง
10 อาหารดำ กินแล้วดีต่อสุขภาพ
10 อาหารดำ กินแล้วดีต่อสุขภาพ

เปิดอ่าน 4,358 ครั้ง
ความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมกับต่างประเทศ
ความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมกับต่างประเทศ

เปิดอ่าน 13,215 ครั้ง
infoGraphics เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจพ.ร.บ.การตั้งท้องในวัยรุ่น
infoGraphics เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจพ.ร.บ.การตั้งท้องในวัยรุ่น

เปิดอ่าน 1,074 ครั้ง
"สมาคมธนาคารไทย" แนะ 6 วิธีป้องกันแอปดูดเงิน
"สมาคมธนาคารไทย" แนะ 6 วิธีป้องกันแอปดูดเงิน
เปิดอ่าน 14,072 ครั้ง
ฮาร์วาร์ด : สุดยอดมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของโลก
ฮาร์วาร์ด : สุดยอดมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของโลก
เปิดอ่าน 9,846 ครั้ง
เด็กนั่งกลางที่เบาะหลังรถ มีแนวโน้มเป็นผู้ใหญ่ที่ประสบความสำเร็จ
เด็กนั่งกลางที่เบาะหลังรถ มีแนวโน้มเป็นผู้ใหญ่ที่ประสบความสำเร็จ
เปิดอ่าน 263,851 ครั้ง
Pronouns  ( คำสรรพนาม )
Pronouns ( คำสรรพนาม )
เปิดอ่าน 15,796 ครั้ง
9 ประโยชน์เพื่อสุขภาพของกระเทียม ที่คุณอาจคาดไม่ถึง!
9 ประโยชน์เพื่อสุขภาพของกระเทียม ที่คุณอาจคาดไม่ถึง!

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ