|
|
การศึกษาค้นคว้าครั้งนี้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น ประกอบแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหา วิชาฟิสิกส์ เรื่อง แรงและกฎการเคลื่อนที่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 75/75 เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ก่อนเรียนและหลังเรียน ของนักเรียนที่เรียนโดยการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น ประกอบแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหา เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น ประกอบแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหา วิชาฟิสิกส์ เรื่อง แรงและกฎการเคลื่อนที่ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เพื่อศึกษาเจตคติของนักเรียนต่อการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น ประกอบแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหา วิชาฟิสิกส์ เรื่อง แรงและกฎการเคลื่อนที่ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2558 โรงเรียนนครขอนแก่น จำนวน 310 คน จำแนกเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/1 จำนวน 50 คน นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/2 จำนวน 49 คน มัธยมศึกษาปีที่ 4/3 จำนวน 50 คน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/4 จำนวน 50 คน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/5 จำนวน 50 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/6 จำนวน 27 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/7 จำนวน 34 คนซึ่งมีการจัดชั้นเรียนแบบคละ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/7 จำนวน 34 คน ซึ่งได้จากการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) โดยการจับสลาก เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้าได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 9 แผนการจัดการเรียนรู้ แบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหา จำนวน 4 เล่ม แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 1 ฉบับ จำนวน 30 ข้อ ที่มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.92 แบบวัดเจตคติของนักเรียนที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ จำนวน 20 ข้อ มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.72 ดำเนินการทดลองเพื่อหาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหา ตามกระบวนการ 1 : 1 ปรับปรุงในส่วนที่บกพร่อง และทดลองซ้ำตามกระบวนการ 1 : 3 ปรับปรุงแก้ไขให้สมบูรณ์และนำไปทดลองตามกระบวนการ 1 : 100 หรือภาคสนาม ซึ่งได้ค่าประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหา (E1/E2) เท่ากับ 68.66/63.33, 71.55/72.22 และ 80.00/78.63 ตามลำดับ แล้วนำแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาไปใช้ประกอบการเรียนการสอนกับนักเรียนกลุ่มตัวอย่าง ตามแผนการจัดการเรียนรู้ที่สร้างขึ้น นำผลการทดลองมาหาประสิทธิภาพของการจัดการเรียนรู้ (E1/E2) ใช้ค่าสถิติ t-test เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน หาค่าดัชนีประสิทธิผลโดยใช้สูตร E.I. และใช้ค่า และ SD. ในการศึกษาเจตคติของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/7 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้
ผลการศึกษาพบว่า การจัดการเรียนรู้ โดยการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น วิสต์ ประกอบแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหา วิชาฟิสิกส์ เรื่อง แรงและกฎการเคลื่อนที่ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 มีประสิทธิภาพ เท่ากับ 80.72/80.59 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/7 ที่เรียนวิชาฟิสิกส์ เรื่อง แรงและกฎการเคลื่อนที่ โดยการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ประกอบแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหา พบว่า ค่าคะแนนเฉลี่ยผลการทดสอบหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน พบว่า ค่าคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนและหลังเรียน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ค่าดัชนีประสิทธิผลของการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น ประกอบแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหา มีค่าเท่ากับ 0.6532 แสดงว่านักเรียนเกิดการเรียนรู้เพิ่มขึ้น 0.6532 หรือคิดเป็นร้อยละ 65.32 เจตคติของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/7 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ตามแนวทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ ประกอบแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหา โดยส่วนรวมมีค่าคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 4.53 อยู่ในระดับเห็นด้วยมากที่สุด
|
โพสต์โดย อ้อย : [21 ก.ย. 2559 เวลา 20:44 น.] อ่าน [5310] ไอพี : 223.206.250.25
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก
|
|
|
|
|
|
|
โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2. ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป
3. สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น
7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป
** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**
|
|
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡ เปิดอ่าน 9,784 ครั้ง
| เปิดอ่าน 20,606 ครั้ง
| เปิดอ่าน 30,488 ครั้ง
| เปิดอ่าน 9,691 ครั้ง
| เปิดอ่าน 12,749 ครั้ง
| เปิดอ่าน 54,022 ครั้ง
| เปิดอ่าน 43,899 ครั้ง
| เปิดอ่าน 16,878 ครั้ง
| เปิดอ่าน 62,951 ครั้ง
| เปิดอ่าน 4,521 ครั้ง
| เปิดอ่าน 16,129 ครั้ง
| เปิดอ่าน 17,114 ครั้ง
| เปิดอ่าน 11,267 ครั้ง
| เปิดอ่าน 10,880 ครั้ง
| เปิดอ่าน 446,907 ครั้ง
| |
|
เปิดอ่าน 16,030 ครั้ง
| เปิดอ่าน 15,294 ครั้ง
| เปิดอ่าน 8,460 ครั้ง
| เปิดอ่าน 15,388 ครั้ง
| เปิดอ่าน 14,246 ครั้ง
|
|
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด
|