บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนแบบโครงงาน 2) เพื่อพัฒนาพนักงานครู โดยการใช้การนิเทศแบบคลินิก 3) เพื่อศึกษาผลต่อเนื่องจากการพัฒนารูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนแบบโครงงานโดยใช้การนิเทศแบบคลินิก โดยใช้
การวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research) กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ ครูผู้สอนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 และครูผู้สอนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มผู้ให้ข้อมูล มีจำนวน 41 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบบันทึก แบบสัมภาษณ์ และแบบสังเกต การวิเคราะห์ข้อมูล ใช้เทคนิคการตรวจสอบข้อมูลสามเส้า (Triangulation Technique) และนำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล
เชิงบรรยาย (Narrative Form)
ผลการวิจัยพบว่า
การศึกษาผลต่อเนื่องจากการพัฒนารูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนแบบโครงงานโดยใช้การนิเทศแบบคลินิก ตามกรอบแนวความคิด สรุปผลการวิจัยได้ดังนี้
1. รูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนแบบโครงงานนักเรียนสามารถสืบค้นความรู้และจัดการเรียนรู้แบบโครงงานได้อย่างเป็นระบบ
2. พนักงานครูจัดการเรียนรู้แบบโครงงานที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ สามารถพัฒนากระบวนการสอนได้ถูกต้องทุกขั้นตอนและสามารถนำมาจัดกิจกรรมการเรียนรู้และสอดแทรกในแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ได้อย่างเหมาะสมกับสภาพของวิชาที่ตนสอนจากการนิเทศ
3. ผลการต่อเนื่องจากรูปแบบการพัฒนาครูสามารถจัดกิจกรรมการสอนแบบโครงงานจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยเน้นกระบวนการสืบค้นความรู้ นักเรียนมีส่วนร่วมในการปฏิบัติกิจกรรม และจัดกิจกรรมที่หลากหลาย นักเรียนได้เรียนรู้อย่างสนุกสนานทำให้บทเรียนไม่น่าเบื่อ ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพของผู้เรียน และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนสูงขึ้น และที่สำคัญการจัดกิจกรรม
การเรียนรู้แบบโครงงานต้องคำนึงถึงธรรมชาติของผู้เรียน ทำให้ผลการแข่งขันทักษะทางวิชาการ
ประสบผลสำเร็จ
โดยสรุป การพัฒนารูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนแบบโครงงานโดยใช้การนิเทศ
การสอนแบบคลินิก โดยใช้หลักการวิจัยเชิงปฏิบัติการ ใช้กลยุทธ์การพัฒนา 3 กลยุทธ์ ได้แก่
1) การประชุมเชิงปฏิบัติการ 2) การสังเกตการสอน 3) การนิเทศการสอนแบบคลินิก สามารถพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ ความเข้าใจในการเรียนรู้แบบโครงงานได้ สามารถเขียนแผนการจัดการเรียนรู้แบบโครงงานได้และสามารถจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงานได้ จึงเสนอแนะให้ผู้บริหาร
และผู้ที่สนใจนำวิธีการประชุมเชิงปฏิบัติการ การสังเกตการสอน และการนิเทศการสอนแบบคลินิก
ไปใช้ในการพัฒนาบุคลากรให้แพร่หลายต่อไป