รายงานการวิจัยเรื่อง การวิจัยและพัฒนาชุดฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ทศนิยมและ เศษส่วน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
กลุ่มสาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์
ผู้วิจัย นางนุกูล ตันติศิรินทร์
ปีการศึกษา 2558
บทคัดย่อ
การวิจัยและพัฒนาชุดฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน ชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 1 ในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาสภาพปัญหาการจัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนเทศบาลบูรพาอุบล สำนักการศึกษา เทศบาลนครอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี 2) เพื่อพัฒนาชุดฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ให้มีประสิทธิภาพ ตามเกณฑ์ 75/75 3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน โดยใช้ชุดฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนเทศบาลบูรพาอุบล สำนักการศึกษา เทศบาลนครอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจ
ของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ด้วยชุดฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนเทศบาลบูรพาอุบล สำนักการศึกษา เทศบาลนครอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/1 โรงเรียนเทศบาลบูรพาอุบล สำนักการศึกษา เทศบาลนครอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2558 จำนวน 29 คน ซึ่งได้มาโดยการสุ่มกลุ่มตัวอย่างอย่างง่าย (Simple Random Sampling) ด้วยวิธีการจับสลากเลือกห้องเรียน ดำเนินการใช้แผนการทดลองแบบ One- Group Pre-test Post-test Design เครื่องมือที่ใช้ในวิจัยครั้งนี้ ประกอบด้วย 1) แบบทดสอบความต้องการและสัมภาษณ์สภาพปัญหาและความต้องการการในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 2 ฉบับ 2) ชุดฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 1 ชุด โดยแบ่ง
เนื้อหาออกเป็น 12 ชุด 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน สำหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เป็นแบบปรนัย ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ และ 4) แบบสอบถามวัดความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยชุดฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 1 ชุด จำนวน 15 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ (%) ค่าเฉลี่ย ( ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และการทดสอบค่าที (t-test)
ผลการศึกษาพบว่า
1. สภาพปัญหาการจัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1โรงเรียนเทศบาลบูรพาอุบล สำนักการศึกษา เทศบาลนครอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี พบว่า สภาพนักเรียน ส่วนใหญ่ มีปัญหา การเปรียบเทียบทศนิยม การบวก ลบ คูณ หารทศนิยมการเปรียบเทียบเศษส่วน การบวก ลบ คูณ หาร เศษส่วนและการแก้โจทย์ปัญหาเศษส่วน สาเหตุมาจากการวิเคราะห์โจทย์ปัญหา ขาดความรู้พื้นฐาน ทักษะการคำนวณ ขาดการสื่อการสอน เจตคติต่อวิชาคณิตศาสตร์ ครูผู้สอนขาด
กัลยามิตรกับนักเรียน จากสาเหตุดังกล่าวครูต้องหานวัตกรรม สื่อการสอนที่ต้องปรับแก้ไขปัญหาดังกล่าว ผู้วิจัยได้เห็นว่า ชุดฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ จึงเป็นนวัตกรรมที่มีจุดเด่นและมีประโยชน์ต่อการศึกษา ในศาสตร์สาขาต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิชาคณิตศาสตร์ เพราะเป็นสื่อที่สามารถสร้างแรงจูงใจผู้เรียนได้มีการโต้ตอบปฏิสัมพันธ์กับบทเรียนส่งเสริมความรับผิดชอบของผู้เรียน จึงได้สร้างนวัตกรรมชุดฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เพื่อผลสัมฤทธิ์ทาง การเรียนสูงขึ้นได้
2. ชุดฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่ผู้ศึกษาสร้างขึ้น มีประสิทธิภาพ เท่ากับ 78.99/78.28 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 75/75 ที่ตั้งไว้
3. นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนด้วยชุดฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์
เรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 สูงกว่าก่อนเรียนด้วยชุดฝึกทักษะอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ
.01 สอดคล้องกับสมมติฐานที่ตั้งไว้
4. นักเรียนที่เรียนด้วยชุดฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน
สำหรับ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีความพึงพอใจโดยรวมอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ
X-bar = 3.57, S.D.= 0.49)