การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1. เพื่อเปรียบเทียบผลการเรียนรู้เรื่อง เหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ไทย ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 2. เพื่อศึกษาความสามารถด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณ เรื่อง เหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ไทย ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ด้วยการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 3. เพื่อศึกษาความคิดเห็นของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้
การวิจัยนี้เป็นการกำหนดรูปแบบการทดลองแบบกลุ่มเดียว ทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนเทศบาล 3 เทศบาลอนุสรณ์ เทศบาลเมืองสุรินทร์ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2558 จำนวน 2 ห้องเรียน มีนักเรียนจำนวน 73 คน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนเทศบาล 3 เทศบาลอนุสรณ์ เทศบาลเมืองสุรินทร์ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2558 จำนวน 1 ห้องเรียน มีนักเรียนจำนวน 34 คน ได้มาจากการสุ่มอย่างง่ายโดยวิธีการจับฉลากห้อง (Sample Random Sampling) คือ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/2 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบบวัดความสามารถในการคิดอย่างมีวิจารณญาณ แบบสอบถามความคิดเห็น วิเคราะห์ข้อมูลสถิติที่ใช้ ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ( ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) การทดสอบค่าที (dependent t - test) และการวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการวิจัย พบว่า
1. ผลการเปรียบเทียบผลการเรียนรู้ เรื่อง เหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ไทย ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบ
สืบเสาะหาความรู้ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 มีค่าเฉลี่ยของคะแนนหลังเรียน ( = 35.18, S.D. = 0.97) สูงกว่าค่าเฉลี่ยของคะแนนก่อนเรียน ( = 15.38, S.D. = 1.44 ) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 2. ผลการศึกษาความสามารถด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณในภาพรวม พบว่า อยู่ในเกณฑ์ระดับมาก ( = 4.21, S.D. = 0.23) เมื่อพิจารณาความสามารถด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณเป็นรายด้านเรียงลำดับจากมากที่สุดไปหาน้อยที่สุดดังนี้ นักเรียนมีความสามารถด้านการระบุประเด็นปัญหาอยู่ในเกณฑ์ระดับมาก ( = 4.44, S.D. = 0.79) รองลงมาคือการรวบรวมข้อมูลอยู่ในเกณฑ์ระดับมาก ( = 4.38, S.D. = 0.78) ลำดับที่สามคือ ด้านพิจารณาความน่าเชื่อถือของแหล่งข้อมูลอยู่ในเกณฑ์ระดับมาก
( = 4.24, S.D. = 0.89) ลำดับที่สี่ คือด้านการระบุลักษณะข้อมูล อยู่ในเกณฑ์ระดับมาก ( = 4.12, S.D. = 0.88) ลำดับที่ห้า
มี 2 ด้าน คือ ด้านการตั้งสมมติฐาน และ ด้านการลงข้อสรุป ( = 4.03, 4.03 , S.D. = 0.80, 0.94)
3. ผลการศึกษาความคิดเห็นของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ โดยภาพรวมอยู่ในระดับเห็นด้วยมากที่สุด ( = 4.68 S.D. = 0.16) เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า นักเรียนมีความเห็นด้วยมากที่สุด
ทุกด้านเรียงตามลำดับดังนี้ นักเรียนส่วนใหญ่เห็นด้วยมากที่สุด ด้านประโยชน์ที่ได้รับ ( = 4.75 S.D. =0.25) รองลงมา ด้านบรรยากาศในการจัดการเรียนรู้ ( = 4.73 S.D. =0.21) รองลงมา ด้านการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ( = 4.71,S.D. =0.24) และลำดับสุดท้าย ด้านเนื้อหา ( = 4.53 ,S.D. =0.35)