ชื่อเรื่อง รูปแบบการบริหารคุณภาพการจัดการเรียนรู้เพื่อสร้างสรรค์ความรู้ด้วยตนเอง
โดยใช้ยุทธศาสตร์ 4 เปลี่ยนในการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน
โรงเรียนจันจว้าวิทยาคม
ผู้วิจัย นายบุญเทพ พิศวง
ปีที่ทำวิจัย 2557-2558
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อพัฒนารูปแบบการบริหารคุณภาพการจัดการเรียนรู้เพื่อสร้างสรรค์ความรู้ด้วยตนเอง โดยใช้ยุทธศาสตร์ 4 เปลี่ยนในการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน โรงเรียนจันจว้าวิทยาคม และมีวัตถุประสงค์เฉพาะดังนี้ 1) เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบัน ปัญหา และความต้องการในการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน โรงเรียนจันจว้าวิทยาคม 2) เพื่อสร้างและพัฒนารูปแบบการบริหารคุณภาพการจัดการเรียนรู้เพื่อสร้างสรรค์ความรู้ด้วยตนเอง โดยใช้ยุทธศาสตร์ 4 เปลี่ยนในการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน โรงเรียนจันจว้าวิทยาคม 3) เพื่อศึกษาศึกษาผลการทดลองใช้รูปแบบการบริหารคุณภาพการจัดการเรียนรู้เพื่อสร้างสรรค์ด้วยตนเอง โดยใช้ยุทธศาสตร์ 4 เปลี่ยนในการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน โรงเรียนจันจว้าวิทยาคม
วิธีการวิจัยวิจัยเป็นการวิจัยและพัฒนา แบ่งออกเป็น 5 ขั้นตอน ดังนี้ 1) การศึกษาสภาพปัจจุบันปัญหาและความต้องการในการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน โรงเรียนจันจว้าวิทยาคม 2) การสร้างรูปแบบการบริหารคุณภาพการจัดการเรียนรู้เพื่อสร้างสรรค์ความรู้ด้วยตนเองโดยใช้ยุทธศาสตร์ 4 เปลี่ยนในการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน โรงเรียนจันจว้าวิทยาคม 3) การทดลองใช้รูปแบบการบริหารคุณภาพการจัดการเรียนรู้เพื่อสร้างสรรค์ความรู้ด้วยตนเองโดยใช้ยุทธศาสตร์ 4 เปลี่ยนในการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน โรงเรียนจันจว้าวิทยาคม 4) การประเมินและปรับปรุงรูปแบบการบริหารคุณภาพการจัดการเรียนรู้ เพื่อสร้างสรรค์ความรู้ด้วยตนเองโดยใช้ยุทธศาสตร์ 4 เปลี่ยนในการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน โรงเรียนจันจว้าวิทยาคม และ 5) การทดลองใช้รูปแบบการบริหารคุณภาพการจัดการเรียนรู้เพื่อสร้างสรรค์ความรู้ด้วยตนเองโดยใช้ยุทธศาสตร์ 4 เปลี่ยนในการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน โรงเรียนจันจว้าวิทยาคม ในภาคสนาม
ผลการวิจัยพบว่า
1.สภาพปัจจุบัน ปัญหา คือ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนต่ำทั้งจากการวัดผลประเมินผลในระดับสถานศึกษาและในระดับชาติ โดยเฉพาะใน 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้หลัก ได้แก่ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ และกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โดยมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย ได้แก่ 1) ครูขาดประสิทธิภาพในการจัดการเรียนการสอน และการวัดผลประเมินผลนักเรียน โดยครูส่วนใหญ่สอนตามความเคยชินและประสบการณ์เดิม จัดการเรียนการสอนแบบบรรยายเพื่อป้อนข้อมูลเนื้อหาสาระความรู้ให้กับนักเรียนมากกว่าที่จะให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติและศึกษาค้นคว้าหรือค้นพบความรู้ด้วยตนเอง ครูมีการใช้สื่อและนวัตกรรมประกอบการเรียนการสอนน้อย ครูส่วนใหญ่จัดทำแผนการสอน แต่ไม่ได้จัดการเรียนการสอน ตามแผนที่จัดทำ การวัดผลประเมินผลการเรียนรู้ของนักเรียนส่วนใหญ่ครูจะใช้วิธีการทดสอบ และไม่มีการนำข้อมูลจากการวัดและประเมินผลไปวิเคราะห์เพื่อนำไปสู่กระบวนการพัฒนานักเรียนและพัฒนาวิธีการจัดการเรียนการสอนของครู 2) กระบวนการเรียนรู้ของนักเรียนไม่มีประสิทธิภาพ นักเรียนส่วนใหญ่ขาดความรับผิดชอบต่อตนเอง ไม่มีนิสัยใฝ่เรียนใฝ่รู้ นักเรียนบางส่วนมีพื้นฐานทางการเรียนต่ำมาก อ่านและเขียนไม่คล่อง 3) สภาพแวดล้อมและบรรยากาศภายในโรงเรียนไม่เอื้อและไม่ส่งเสริมการเรียนรู้ของนักเรียนเท่าที่ควร โรงเรียนมีแหล่งเรียนรู้น้อยและขาดประสิทธิภาพ ขาดแคลนสื่อ วัสดุ อุปกรณ์การเรียนรู้ โดยเฉพาะสื่อเทคโนโลยีที่ทันสมัย สภาพแวดล้อมด้านจิตใจ พบว่า ความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนมระหว่างครูกับนักเรียนยังไม่ดีพอ ครูและนักเรียนขาด ความเข้าใจซึ่งกันละกัน นักเรียนไม่ชอบครูที่ลงโทษนักเรียนด้วยวิธีการที่รุนแรงมากกว่าการใช้วินัยเชิงบวก ด้านความสัมพันธ์กับชุมชน พบว่า ชุมชนมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาและให้ความร่วมมือกับโรงเรียนน้อย 4) ระบบการบริหารจัดการภายในโรงเรียนยังขาดประสิทธิภาพ ขาดแคลนงบประมาณในการบริหารจัดการ และระบบการนิเทศภายในโรงเรียนไม่มีประสิทธิภาพขาดการวางระบบการนิเทศที่ชัดเจน
โรงเรียนจันจว้าวิทยาคม มีความต้องการที่จะพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน โดยนำนโยบายด้านการพัฒนาคุณภาพการศึกษาและแนวทางปฏิรูปการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ มาสู่การปฏิบัติในสถานศึกษาให้มีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล โดยใช้แนวทางการบริหารจัดการระบบคุณภาพ (TQA) ที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานกำหนด ซึ่งจะให้ความสำคัญกับกระบวนการจัดการเรียนการสอนของครูที่จะทำให้การเรียนรู้ของนักเรียนมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล โดยครูจะต้องปรับการเรียนเปลี่ยนการสอน จากการเน้นที่การสอนของครูมาเป็นการเน้นที่การเรียนของนักเรียน เปลี่ยนจากเน้นการเรียนของปัจเจกมาเป็นเรียนร่วมกันเป็นกลุ่ม เปลี่ยนจากการเรียนแบบแข่งขันมาเป็นเน้นความร่วมมือหรือช่วยเหลือแบ่งปันกัน ครูต้องเปลี่ยนบทบาทของตนเองจากผู้สอนไปเป็นผู้อำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ของนักเรียน ครูต้องจุดประกายความสนใจใฝ่รู้แก่นักเรียน ให้นักเรียนค้นพบหรือสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง ทั้งจากการศึกษาค้นคว้าและลงมือปฏิบัติ ครูต้องเปลี่ยนเป้าหมายการเรียนรู้ของนักเรียนจากเน้นเรียนวิชาเพื่อได้ความรู้ให้เลยไปสู่การพัฒนาทักษะที่สำคัญต่อการดำรงชีวิต ทั้งนี้จะต้องมีการพัฒนาสภาพแวดล้อมและบรรยากาศให้เอื้อและส่งเสริมการเรียนรู้ของนักเรียนทั้งที่เป็นอาคารสถานที่ สื่ออุปกรณ์และเทคโนโลยีที่ทันสมัย และบรรยากาศของความรักความอบอุ่นระหว่างครู กับนักเรียน และจะต้องวางระบบการนิเทศให้มีประสิทธิภาพ มีการบำรุงขวัญและกำลังใจแก่ครูและบุคลากรทางการศึกษา รวมทั้งการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับชุมชนเพื่อให้เกิดความร่วมมือทางการศึกษา
2.รูปแบบการบริหารคุณภาพการจัดการเรียนรู้เพื่อสร้างสรรค์ความรู้ด้วยตนเองโดยใช้ยุทธศาสตร์ 4 เปลี่ยน ในการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนโรงเรียนจันจว้าวิทยาคมพบว่า มีความเหมาะสมมากที่สุด ประกอบด้วย 4 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ 1) ยุทธศาสตร์ที่ 1 ครูเปลี่ยน โดยมีประเด็นยุทธศาสตร์คือ ครูพลิกรูปแบบการเรียนเปลี่ยนการสอน 2) ยุทธศาสตร์ที่ 2 กระบวนการเรียนรู้เปลี่ยน โดยมีประเด็นยุทธศาสตร์คือ นักเรียนเปลี่ยนกระบวนการเรียนรู้ใหม่ให้สามารถสร้างสรรค์ความรู้ได้ด้วยตนเอง 3) ยุทธศาสตร์ที่ 3 สภาพแวดล้อมเปลี่ยน โดยมีประเด็นยุทธศาสตร์คือ การสร้างภาคีเครือข่ายความร่วมมือทางการศึกษาเพื่อพัฒนาสภาพแวดล้อม และ 4) ยุทธศาสตร์ที่ 4 การบริหารจัดการเปลี่ยน โดยมีประเด็นยุทธศาสตร์คือ บริหารเยี่ยมผลลัพธ์ยอด
3.ผลการทดลองใช้รูปแบบการบริหารคุณภาพการจัดการเรียนรู้เพื่อสร้างสรรค์ด้วยตนเองโดยใช้ยุทธศาสตร์ 4 เปลี่ยน ในการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนโรงเรียน จันจว้าวิทยาคม พบว่า 1) ครูได้รับการพัฒนาให้เปลี่ยนทัศนคติและวิธีคิดในการจัดการเรียนการสอนจากการเน้นการสอนมาเป็นการเน้นที่การเรียนของนักเรียน และเปลี่ยนบทบาทจากผู้สอนมาเป็นผู้อำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ของนักเรียนเพื่อให้นักเรียนสามารถสร้างสรรค์ความรู้ได้ ด้วยตนเอง 2) นักเรียนได้รับการพัฒนาให้เกิดความตระหนักและเห็นความสำคัญของการเรียนรู้ เพื่อสร้างสรรค์ความรู้ด้วยตนเองและเปลี่ยนวิธีการเรียนรู้ของตนเอง จากเป็นผู้ที่คอยรับข้อมูลเนื้อหาสาระความรู้จากครู มาเป็นการแสวงหาความรู้และสร้างความรู้ด้วยตนเอง เรียนรู้อย่างมีความสุข รักในการเรียนและเป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ 3) สภาพแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกโรงเรียนได้รับการพัฒนาให้เอื้อและส่งเสริมการเรียนรู้ของนักเรียนและการจัดการเรียนการสอนของครูทั้งด้านกายภาพและด้านจิตใจ ในด้านกายภาพ พบว่า อาคารและสถานที่มีความสะอาด ร่มรื่นและสวยงาม มีแหล่งเรียนรู้ทั้งภายในและนอกโรงเรียนเพียงพอกับความต้องการของนักเรียน โรงเรียนและชุมชนมีความสัมพันธ์และความเข้าใจอันดีระหว่างกันก่อให้เกิดเครือข่ายความร่วมมือทางการศึกษาอย่างกว้างขวาง ในด้านจิตใจ พบว่า นักเรียนรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย ครูรักนักเรียนนักเรียนรักครู นักเรียนและครูอยู่ในโรงเรียนอย่างมีความสุข 4) ระบบการบริหารจัดการภายในโรงเรียนได้รับการพัฒนา โดยใช้การบริหารจัดการด้วยระบบคุณภาพ (TQA) ที่ยึดหลักการบริหารจัดการบ้านเมืองที่ดีและใช้ ICT เพื่อการบริหารจัดการ ทำให้การบริหารจัดการภายในสถานศึกษาเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีความคล่องตัว สะดวกรวดเร็ว มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล 5) นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้นทั้งจากการวัดและประเมินผลในระดับโรงเรียนและการวัดผลในระดับชาติ (O-NET) โดยในปีการศึกษา 2558 นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเฉลี่ย ร้อยละ 75.21 สูงกว่าปีการศึกษา 2557 และเป็นไปตามค่าเป้าหมายที่กำหนด คือ ร้อยละ 70 ในส่วนการวัดในระดับชาติ (O-NET) ในปีการศึกษา 2558 พบว่า โดยรวมทั้งนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเพิ่มสูงขึ้น โดยนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเฉลี่ย ร้อยละ 37.42 สูงกว่าปีการศึกษา 2557 เฉลี่ย 2.84 และนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเฉลี่ยร้อยละ 37.37 ซึ่งสูงกว่า ปีการศึกษา 2557 เฉลี่ย 1.78 และ6) การสอบถามความพึงพอใจต่อการทดลองใช้รูปแบบการบริหารคุณภาพการจัด การเรียนรู้ เพื่อสร้างสรรค์ความรู้ด้วยตนเองโดยใช้ยุทธศาสตร์ 4 เปลี่ยน ในการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนโรงเรียนจันจว้าวิทยาคม พบว่า ครู คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน นักเรียนและผู้ปกครองนักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด