การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ ๑) ศึกษาประสิทธิภาพของแบบพัฒนาทักษะการอ่านออกสียงภาษาไทย โดยใช้เพลงคาราโอเกะ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ ตามเกณฑ์มาตรฐาน ๘๐/๘๐ ๒) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ก่อนเรียนและหลังเรียน ด้วยแบบพัฒนาทักษะการอ่านออกสียงภาษาไทย โดยใช้เพลงคาราโอเกะ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ ๓) เปรียบเทียบผลการฝึกทักษะของนักเรียน ก่อนเรียนและหลังเรียน ด้วยแบบพัฒนาทักษะการอ่านออกสียงภาษาไทย โดยใช้เพลงคาราโอเกะ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ศึกษาคือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ โรงเรียนเทศบาล ๓ (ชาญวิทยา) จังหวัดเพชรบูรณ์ ปีการศึกษา ๒๕๕๘ จำนวน ๓๐ คน การคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างได้มาโดยการสุ่มอย่างง่าย (Simple Random Sampling) ให้เรียน
ด้วยแบบพัฒนาทักษะการอ่านออกสียงภาษาไทย โดยใช้เพลงคาราโอเกะ กลุ่ม
สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ ระหว่างเรียน
นักเรียนฝึกทักษะที่ ๑-๕ ประเมินผลการเรียนของนักเรียน ด้วยแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และแบบประเมินผลการฝึกทักษะที่ผู้ศึกษาสร้างขึ้น นำผลคะแนนที่ได้จากการทดสอบและการฝึกทักษะ ก่อนเรียนและหลังเรียน ด้วยแบบพัฒนาทักษะการอ่านออกสียงภาษาไทย โดยใช้เพลงคาราโอเกะ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ มาวิเคราะห์ความแตกต่างกันทางสถิติ โดยใช้ t-test แบบ Dependent sampling
ผลการศึกษาปรากฎว่า ๑) ประสิทธิภาพของแบบพัฒนาทักษะการอ่าน
ออกเสียงภาษาไทย โดยใช้เพลงคาราโอเกะ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน ๘๐/๘๐ ๒) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน ด้วยแบบพัฒนาทักษะการอ่าน
ออกสียงภาษาไทย โดยใช้เพลงคาราโอเกะ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .๐๕
๓) ผลการฝึกทักษะของนักเรียน หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน ด้วยแบบพัฒนาทักษะ
การอ่านออกเสียงภาษาไทย โดยใช้เพลงคาราโอเกะ กลุ่มสาระการเรียนรู้
ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ
ทางสถิติที่ระดับ .๐๕