ครูบ้านนอก

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน รายวิชาฟิสิกส์เพิ่มเติม เรื่อง ไฟฟ้าสถิต ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 (2) เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของการพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน รายวิชาฟิสิกส์เพิ่มเติม เรื่อง ไฟฟ้าสถิต ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 (3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อ การเรียนโดยใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 แผนการเรียนวิทยาศาสตร์ ซึ่งกำลังศึกษาอยู่ในโรงเรียนราชวินิต มัธยม สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 1 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้านี้ได้มาจากการสุ่มกลุ่มตัวอย่างทั้งหมดจากห้องเรียน 4 ห้องเรียน แล้วใช้วิธีสุ่ม อย่างง่าย (Simple Random Sampling) ด้วยวิธีการจับฉลาก 2 ห้องเรียน จาก 4 ห้องเรียน จำนวนนักเรียนทั้งหมด 59 คน ดำเนินการสอนโดยใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน รายวิชาฟิสิกส์เพิ่มเติม เรื่อง ไฟฟ้าสถิต ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น ได้แก่ (1) บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน รายวิชาฟิสิกส์เพิ่มเติม เรื่อง ไฟฟ้าสถิต ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 (2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเป็นแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ (Multiple Choices) 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ (3) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) ซึ่งมี 5 ระดับ จำนวน 15 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ( ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S) และสถิติที่ใช้ในการหาคุณภาพของเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ ค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน มีค่าตั้งแต่ 0.67 ถึง 1.00 ค่าความยาก (P) และค่าอำนาจจำแนก (B) ของแบบทดสอบเป็นรายข้อ โดยวิธีของ Brennan มีค่าความยาก ตั้งแต่ 0.28 ถึง 0.73 และค่าอำนาจจำแนก ตั้งแต่ 0.26 ถึง 0.78 และได้ค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยใช้สูตร KR-20 (Kuder-Richardson 20) เท่ากับ 0.86 และแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน มีค่าอำนาจจำแนกระหว่าง 0.32 ถึง 0.83 ค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.84 สถิติที่ใช้ใน การทดสอบสมมติฐาน โดยใช้สถิติ t-test Dependent Samples

ผลการวิจัยพบว่า

1. บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน รายวิชา ฟิสิกส์เพิ่มเติม เรื่อง ไฟฟ้าสถิต ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 มีประสิทธิภาพ เท่ากับ 88.22 / 86.67 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่กำหนดไว้

2. ดัชนีประสิทธิผลการเรียนรู้ด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน รายวิชา ฟิสิกส์เพิ่มเติม เรื่อง ไฟฟ้าสถิต ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 มีค่าเท่ากับ 0.5793 ซึ่งแสดงว่าผู้เรียนมีความรู้เพิ่มขึ้น ร้อยละ 57.93

3. นักเรียนมีคะแนนเฉลี่ยจากการทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

4. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนโดยรวมอยู่ใน

ระดับมากที่สุด

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 2,557 ครั้ง "กระชายขาว" สมุนไพรไทยยอดนิยม สรรพคุณเด่น "เสริมภูมิคุ้มกันร่างกาย"	เปิดอ่าน 18,961 ครั้ง แคว่ก ๆ! ที่ครอบปากสุนัขรูปปากเป็ด เก๋ ๆ น่าใช้	เปิดอ่าน 13,607 ครั้ง การอ่านและเขียนสะกดคำที่มี a เป็นสระเดี่ยวในคำ
เปิดอ่าน 13,112 ครั้ง "เด็กรุ่นใหม่" ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด?	เปิดอ่าน 7,803 ครั้ง วิธีเฟ้นคนแบบ "Google" ไม่สนปริญญา	เปิดอ่าน 79,515 ครั้ง การแรเงา
เปิดอ่าน 19,980 ครั้ง งานสัมมนา เปิดโลกการอ่านด้วยวรรณกรรมระดับโลก	เปิดอ่าน 42,180 ครั้ง 14 ท่าโพสต์ถ่ายรูปง่ายๆ ถ่ายเมื่อไหร่ก็สวย	เปิดอ่าน 22,671 ครั้ง ตารางสีเสื้อผ้าประจำวัน
เปิดอ่าน 9,600 ครั้ง คลิปช้างกินไอโฟน	เปิดอ่าน 25,656 ครั้ง ดาวน์โหลดเอกสารแนวทางการจัดการเรียนรู้ BBL กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์	เปิดอ่าน 15,287 ครั้ง วัดป่าที่แม่ฮ่องสอนดังทั่วโลก ต่างชาติแห่เรียนสมาธิปีละกว่า 2 พันคน
เปิดอ่าน 11,690 ครั้ง เคล็ดลับเรียนภาษา ให้ได้ผล	เปิดอ่าน 258,214 ครั้ง มาตรฐานวิชาชีพครู	เปิดอ่าน 12,534 ครั้ง นอร์แมน โจเซฟ วู้ดแลนด์ ผู้ร่วมคิดค้น"บาร์โค้ด" เสียชีวิตแล้ว วัย 91 ปี

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.

ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory