การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อหาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะกีฬาฟุตซอล กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะกีฬา ฟุตซอล กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 3) เพื่อศึกษาทักษะการปฏิบัติของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ก่อนและหลังใช้แบบฝึกทักษะกีฬาฟุตซอล 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่มีต่อแบบฝึกทักษะกีฬาฟุตซอล สาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา
กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยครั้งนี้ ได้มาโดยการสุ่มแบบเจาะจง (Purposive Sampling) ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2558 โรงเรียนเทศบาล 2 (บ้านหาดใหญ่) สำนักการศึกษา เทศบาลนครหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา จำนวน 30 คน
เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาประกอบด้วย 1) แบบฝึกทักษะกีฬาฟุตซอล ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 2) แผนการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 กีฬาพาเพลิน เรื่อง กีฬาฟุตซอล 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 4) แบบวัดทักษะปฏิบัติหลังการเรียนรู้ 5) แบบประเมินความพึงพอใจที่มีต่อการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะกีฬาฟุตซอล
การเก็บรวบรวมข้อมูล ได้ดำเนินการตามขั้นตอน คือ 1) ทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ก่อนเรียน 2) จัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยใช้แบบฝึกทักษะกีฬาฟุตซอล 3) ทำแบบทดสอบท้ายแบบฝึก 4) ทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนจบ 5) ประเมินทักษะการปฏิบัติ 6) ทำแบบประเมินความพึงพอใจต่อการเรียนโดยใช้แบบฝึก สถิติในการวิเคราะห์ข้อมูล ทดสอบค่า t (t-test) หาค่าเฉลี่ย ( ) และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.)
ผลการวิจัยพบว่า 1) ประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะกีฬาฟุตซอล มีประสิทธิภาพเท่ากับ 82.14/82.08 2) นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 3) ทักษะการปฏิบัติของนักเรียน เมื่อนำมาเทียบกับเกณฑ์อยู่ในระดับสูงที่สุด ( = 4.60, S.D. = 0.43) และ 4) ความพึงพอใจที่มีต่อการเรียนรู้ โดยใช้แบบฝึกทักษะกีฬาฟุตซอล โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.52, S.D. = 0.47)
ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ตั้งกระทู้คำถามใหม่
กลับหน้าที่แล้ว
