ชื่อเรื่อง รายงานการพัฒนากิจกรรมการเรียนการสอนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป
กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สาระเศรษฐศาสตร์
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
ผู้ศึกษาค้นคว้า นายพิพัฒน์พงศ์ พรมจันทร์
ปีการศึกษา ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2558
สถานศึกษา โรงเรียนอุเทนพัฒนา อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 22
บทคัดย่อ
การศึกษาค้นคว้าครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อ 1) เพื่อพัฒนากิจกรรมการเรียนการสอนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สาระเศรษฐศาสตร์
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่มีประสิทธิภาพ 80/80 2) เพื่อหาค่าดัชนีประสิทธิผลของการเรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูป กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สาระเศรษฐศาสตร์
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ก่อนและหลังเรียนของนักเรียน
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูป กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สาระเศรษฐศาสตร์ 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูป กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สาระเศรษฐศาสตร์ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/1 โรงเรียนอุเทนพัฒนา อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 22 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2558 จำนวน 1 ห้องเรียน จำนวนนักเรียน 40 คน ซึ่งได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้ามี 5 ชนิด คือ 1) แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สาระเศรษฐศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 2) บทเรียนสำเร็จรูป สำเร็จรูป กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สาระเศรษฐศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 3) แบบทดสอบก่อนเรียน-หลังเรียนของบทเรียนสำเร็จรูป 4) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สาระเศรษฐศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และ 5) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สาระเศรษฐศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 แบบแผนทดลองในครั้งนี้เป็นแบบกึ่งทดลอง (Quasi Experimental Research) วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 หาค่าดัชนีประสิทธิผลทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนโดยใช้วิธีของกูดแมน เฟลทเชอร์ และชไนเดอร์ วิเคราะห์ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป โดยใช้ค่าเฉลี่ย (Mean) เปรียบเทียบกับเกณฑ์ 5 ระดับ คือ มีความพึงพอใจมากที่สุด มีความพึงพอใจมาก มีความพึงพอใจปานกลาง มีความพึงพอใจน้อย และมีความพึงพอใจน้อยที่สุด
ผลการศึกษาค้นคว้าพบว่า 1) บทเรียนสำเร็จรูป กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สาระเศรษฐศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ผู้ศึกษาค้นคว้าสร้างขึ้น มีประสิทธิภาพเท่ากับ 93.98/91.25 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ 80/80 2) ดัชนีประสิทธิผลทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูป กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สาระเศรษฐศาสตร์
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีค่าเท่ากับ 0.8034 แสดงว่านักเรียนมีความรู้ทางการเรียนเพิ่มขึ้นร้อยละ 80.34 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ 75 3) นักเรียนที่เรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูป กลุ่มสาระการเรียนรู้
สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สาระเศรษฐศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ .01 และ 4) ความพึงพอใจที่มีต่อการเรียนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป ที่ผู้ศึกษาค้นคว้าสร้างขึ้นโดยรวมมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.27 ( = 4.27 , S.D. = 0.33) อยู่ในระดับที่พึงพอใจมาก ตรงกับเกณฑ์ที่ตั้งไว้คือ นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนรู้โดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
สาระเศรษฐศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 อยู่ใน ระดับมากขึ้นไป