ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
ขอเผยแผร่ผลงานวิชาการ

ชื่อเรื่อง การพัฒนาชุดฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์โดยใช้รูปบาร์โมเดล (Bar

Model) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4

ผู้ศึกษาค้นคว้า นางภาวนา รัตนวงศ์

ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะครูชำนาญการ โรงเรียนคำฮีเบญจวิทย์

อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามุกดาหาร

ปีที่ศึกษาค้นคว้า 2558

ความมุ่งหมายของการศึกษา

1. เพื่อพัฒนาการจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุดฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ โดยใช้รูปบาร์โมเดลชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 75/75

2. เพื่อหาดัชนีประสิทธิผลของการจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุดฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ โดยใช้รูปบาร์โมเดล

3. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างก่อนเรียนกับหลังเรียนของนักเรียนที่เรียนรู้โดยใช้ชุดฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ โดยใช้รูปบาร์โมเดล

4. เพื่อศึกษาความคงทนในการเรียนรู้ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ภายหลังจากที่ได้รับการจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุดฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ โดยใช้รูปบาร์โมเดล

สมมติฐานของการศึกษา

1. นักเรียนที่เรียนด้วยการจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุดฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ โดยใช้รูปบาร์โมเดล มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน

2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในการเรียนรู้หลังเรียนรู้โดยใช้ชุดฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ โดยใช้รูปบาร์โมเดล กับหลังเรียนไปแล้ว 2 สัปดาห์ ไม่แตกต่างกัน

กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า

1. กลุ่มเป้าหมาย

กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 1

ปีการศึกษา 2558 โรงเรียนคำฮีเบญจวิทย์ อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามุกดาหาร จำนวน 15 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive sampling)

2. เนื้อหาที่ใช้ในการวิจัย

เนื้อหาที่ใช้ในการวิจัยเป็นเนื้อหา เรื่อง โจทย์ปัญหาการบวก ลบ คูณ และการหาร ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4

3. ระยะเวลาที่ใช้ในการทดลอง คือ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2558 ใช้เวลาในการวิจัย 9 ชั่วโมง

เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา

เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้มี 3 ชนิด คือ

1. ชุดฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์โดยใช้รูปบาร์โมเดล (Bar Model) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 5 เล่ม ดังนี้

ชุดที่ 1 โจทย์ปัญหา การบวก

ชุดที่ 2 โจทย์ปัญหา การลบ

ชุดที่ 3 โจทย์ปัญหา การคูณ

ชุดที่ 4 โจทย์ปัญหา การหาร

ชุดที่ 5 โจทย์ปัญหา การบวก ลบ คูณ หารระคน

2. แผนการจัดการเรียนรู้ประกอบการใช้ชุดฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์โดยใช้รูปบาร์โมเดล (Bar Model) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 9 แผน แผนละ 1 ชั่วโมง รวมทั้งหมด เวลา 9 ชั่วโมง โดยไม่นับรวมเวลาการทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน

3. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องโจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่

4. กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ใช้เป็นแบบทดสอบก่อนเรียนหลังเรียน ซึ่งเป็นตัวเลือกชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ

การวิเคราะห์ขอมูล

ขั้นตอนการวิเคราะห์ข้อมูล

การวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยได้วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ตามลำดับ ดังนี้

ตอนที่ 1 วิเคราะห์หาค่าประสิทธิภาพของชุดฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์โดยใช้รูปบาร์โมเดล ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 75/75 โดยหาคะแนนระหว่างเรียนของชุดฝึกทักษะและคะแนนผลการทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบทดสอบปรนัย ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก โดยใช้ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และหาค่าประสิทธิภาพเพื่อเปรียบเทียบกับเกณฑ์ที่ตั้งไว้ตามวิธีที่เสนอแนะ

ตอนที่ 2 วิเคราะห์หาค่าดัชนีประสิทธิผลของชุดฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์โดยใช้รูปบาร์โมเดล ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เพื่อวิเคราะห์ความก้าวหน้าของนักเรียน โดยหาผลรวมของคะแนนก่อนเรียนทุกคน ผลรวมของคะแนนหลังเรียนทุกคนและผลคูณของจำนวนนักเรียนกับคะแนนเต็มแล้วหาค่าดัชนีประสิทธิผล

ตอนที่ 3 วิเคราะห์เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนชุดฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์โดยใช้รูปบาร์โมเดล ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้สถิติ t-test

( Dependent Sample ) ทดสอบความแตกต่างของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน

ตอนที่ 4 วิเคราะห์ผลทดสอบหลังจากทดสอบหลังเรียน 2 สัปดาห์ความคงทนในการเรียนรู้ของนักเรียนที่เรียนด้วยชุดฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์โดยใช้รูปบาร์โมเดล ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้สถิติ t-test ( Dependent Sample )

สรุปผลการศึกษาค้นคว้า

1. ชุดฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ โดยใช้รูปบาร์โมเดลชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 77.52/78.22

2. ค่าดัชนีประสิทธิผล (The Effectiveness Index : E.I.) ของชุดฝึกทักษะที่พัฒนาขึ้น เท่ากับ 0.6370

3. นักเรียนที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยชุดฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ โดยใช้รูปบาร์โมเดลชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

4. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยชุดฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ โดยใช้รูปบาร์โมเดลชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีความคงทนในการเรียนรู้รายวิชาคณิตศาสตร์ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

ข้อเสนอแนะ

ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่าแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ ตามแนวคิดของโพลยาและเทคนิคการวาดรูปบาร์โมเดล เรื่องการบวก ลบ คูณ และหาร สำหรับนักเรียน

ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ทำให้เกิดการเรียนรู้ โดยการฝึกให้นักเรียนได้หาความรู้อย่างเป็นขั้นตอน เกิดทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์ ทำให้นักเรียนเกิดองค์ความรู้ในเรื่องการบวก ลบ คูณและหาร ส่งผลให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น รวมทั้งนักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะอยู่ในระดับมาก

1. ข้อเสนอแนะทั่วไป

1. การสอนด้วยแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ ครูควรมีการเสริมแรงด้วยการบอกคะแนนและให้ข้อเสนอแนะสิ่งที่ควรแก้ไขในการทำแบบฝึกทักษะในเล่ม จะช่วยให้นักเรียนมีความกระตือรือร้นในการเรียนและนำข้อบกพร่องนั้นไปแก้ไขได้

2. ในขณะที่นักเรียนกำลังทำแบบฝึกทักษะนั้น ครูควรคอยดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อที่นักเรียนจะได้ขอคำปรึกษา และนำไปใช้ในการแก้ปัญหาในการทำแบบฝึกทักษะ

3. ควรให้นักเรียนได้ออกแบบการคิดด้วยตนเอง ไม่ควรชี้แนวทางในการทำให้เพื่อที่นักเรียนจะฝึกฝนแนวทางในการแก้ปัญหาด้วยตนเองได้

4. การใช้แบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ ครูผู้สอนควรมีการส่งเสริมให้ผู้เรียนได้ศึกษาค้นคว้า และจัดระเบียบองค์ความรู้ให้ได้ด้วยตนเอง ซึ่งจะทำให้ผู้เรียนได้รับความรู้ซึ่งมีความคงทน

ข้อเสนอแนะสำหรับการวิจัยครั้งต่อไป

1. ควรพัฒนาแบบฝึกทักษะ ในเรื่องเกี่ยวกับการแก้โจทย์ปัญหา เช่น เรื่องโจทย์ปัญหาระคน เรื่องโจทย์ปัญหาเกี่ยวกับเงิน เรื่องโจทย์ปัญหาเกี่ยวกับเวลา เป็นต้น

2. ควรนำนวัตกรรมหรือวิธีการสอน เช่น วิธีการสอนแบบโครงงาน วิธีการสอนแบบแก้ปัญหา หรือวิธีการสอนแบบร่วมมือ มาใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่สูงขึ้น

3. ควรทำการศึกษาเปรียบเทียบทักษะการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์โดยใช้แบบฝึกทักษะด้วยกระบวนการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ตามแนวคิดของโพลยากับนวัตกรรมการสอนประเภท คอมพิวเตอร์ช่วยสอน สื่ออิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น

โพสต์โดย ปุ๊ : [11 ส.ค. 2559 เวลา 02:45 น.]
อ่าน [4586] ไอพี : 223.24.44.39
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โพสต์โดย

คุณ -

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 12,298 ครั้ง
22 จานเด็ด ลดเสี่ยงมะเร็ง
22 จานเด็ด ลดเสี่ยงมะเร็ง

เปิดอ่าน 52,758 ครั้ง
ธรรมชาติของห่วงโซ่อาหาร
ธรรมชาติของห่วงโซ่อาหาร

เปิดอ่าน 197,532 ครั้ง
บทบาทของครู
บทบาทของครู

เปิดอ่าน 12,733 ครั้ง
วิธีเขียนอีเมล์เป็นภาษาอังกฤษได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม
วิธีเขียนอีเมล์เป็นภาษาอังกฤษได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม

เปิดอ่าน 24,862 ครั้ง
ทาน "ถั่วงอก" แล้วส่งผลต่อสุขภาพอย่างไร
ทาน "ถั่วงอก" แล้วส่งผลต่อสุขภาพอย่างไร

เปิดอ่าน 46,229 ครั้ง
บัญชีเงินเดือนข้าราชการพลเรือน
บัญชีเงินเดือนข้าราชการพลเรือน

เปิดอ่าน 28,115 ครั้ง
กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง (photosynthesis)
กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง (photosynthesis)

เปิดอ่าน 8,648 ครั้ง
เรื่องเล่าดีๆ เมื่อหนุ่มทำมือถือตกในแท็กซี่ โทรไปก็ไม่มีคนรับ ผลสุดท้ายคือ...
เรื่องเล่าดีๆ เมื่อหนุ่มทำมือถือตกในแท็กซี่ โทรไปก็ไม่มีคนรับ ผลสุดท้ายคือ...

เปิดอ่าน 11,306 ครั้ง
คลิปซาบซึ้งความผูกพัน "ครูควรดู-นร.ควรชม"
คลิปซาบซึ้งความผูกพัน "ครูควรดู-นร.ควรชม"

เปิดอ่าน 57,854 ครั้ง
รับชมย้อนหลังการประชุมทางไกลผ่านระบบ Video Conference "พรบ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560"
รับชมย้อนหลังการประชุมทางไกลผ่านระบบ Video Conference "พรบ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560"

เปิดอ่าน 81,397 ครั้ง
รูปแบบการพัฒนาโรงเรียนขนาดเล็กที่ได้ผล
รูปแบบการพัฒนาโรงเรียนขนาดเล็กที่ได้ผล

เปิดอ่าน 18,456 ครั้ง
"เขียนไลน์แบบไหน คนชอบอ่าน" โดย ดร.สุพาพร เทพยสุวรรณ
"เขียนไลน์แบบไหน คนชอบอ่าน" โดย ดร.สุพาพร เทพยสุวรรณ

เปิดอ่าน 11,878 ครั้ง
เช้าควบเที่ยง เสี่ยงโรคอ้วน
เช้าควบเที่ยง เสี่ยงโรคอ้วน

เปิดอ่าน 33,950 ครั้ง
วิธีตั้งชื่อมิให้เป็นกาลกิณี
วิธีตั้งชื่อมิให้เป็นกาลกิณี

เปิดอ่าน 10,576 ครั้ง
Powerpoint บรรยายพิเศษ ดร.ชัยพฤษ์ เสรีรักษ์ ปลัดศธ. ในโครงการพัฒนาผู้บริหารสำนักงานศึกษาธิการภาค และสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด
Powerpoint บรรยายพิเศษ ดร.ชัยพฤษ์ เสรีรักษ์ ปลัดศธ. ในโครงการพัฒนาผู้บริหารสำนักงานศึกษาธิการภาค และสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด

เปิดอ่าน 17,099 ครั้ง
กระบองเพชร ช่วยดูดรังสี
กระบองเพชร ช่วยดูดรังสี
เปิดอ่าน 13,367 ครั้ง
หลักในการออกแบบสวน
หลักในการออกแบบสวน
เปิดอ่าน 102,480 ครั้ง
เทคนิคเดลฟาย (Delphi technique)
เทคนิคเดลฟาย (Delphi technique)
เปิดอ่าน 13,668 ครั้ง
ปรัชญาการศึกษา คือแก่นของหลักสูตร
ปรัชญาการศึกษา คือแก่นของหลักสูตร
เปิดอ่าน 38,814 ครั้ง
การคิดเลขในใจ
การคิดเลขในใจ

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ