บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1)เพื่อพัฒนาการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค STAD ประกอบแบบฝึกทักษะ วิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่เรียนด้วยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค STADประกอบแบบ ฝึกทักษะ วิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สำหรับนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 2 3) เพื่อศึกษาความมีระเบียบวินัยต่อการพัฒนาการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค STAD ประกอบแบบฝึกทักษะ วิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค STAD ประกอบแบบฝึกทักษะวิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา
ปีที่ 2
กลุ่มประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/2 โรงเรียนไพรบึงวิทยาคม อำเภอไพรบึง จังหวัดศรีสะเกษ ปีการศึกษา 2557 จำนวน 41 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Clustes Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย แบ่งเป็น 5 ชนิด 1) แผนการจัดการเรียนรู้ด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค STAD ประกอบแบบฝึกทักษะ วิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 6 แผนการจัดการเรียนรู้ 2) แบบฝึกทักษะ วิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม จำนวน 6 ชุด 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 40 ข้อ 4) แบบประเมินความมีระเบียบวินัยต่อการเรียนรู้ จำนวน 1 ชุด และ 5) แบบสอบถามความพึงพอใจที่มีต่อพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค STAD ประกอบแบบฝึกทักษะ วิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 1 ชุด 17 คำถาม ซึ่งเครื่องมือเหล่านี้ได้รับการตรวจสอบคุณภาพด้านความสอดคล้องจากผู้เชี่ยวชาญจำนวน 5 ท่านคำนวณค่า IOC ได้ 0.80 ขึ้นไปทุกรายการ ผู้วิจัยได้เก็บรวบรวมข้อมูลตามแผนการวิจัยด้วยตนเองระหว่างเดือน พฤษภาคม 2557 ถึง กันยายน 2557 วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณโดยการหาค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าร้อยละ และการทดลองค่าที(t-test dependent) ส่วนข้อมูลเชิงคุณภาพได้นำข้อค้นพบมาสรุปในเชิงพรรณนาวิเคราะห์ สรุปผลการวิจัย ได้ดังนี้
1. การพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค STAD ประกอบแบบฝึกทักษะ วิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่พัฒนาขึ้น
มีประสิทธิภาพเท่ากับ 83.70/81.83 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ 80/80
2. ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน ที่เรียนด้งยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค STAD ประกอบแบบฝึกทักษะ วิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 สรุปได้ว่า นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้
3) ผลการศึกษาความมีระเบียบวินัยต่อการเรียนรู้กาพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค STAD ประกอบแบบฝึกทักษะ วิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 สรุปได้ว่าโดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( x̄ =2.63,S.D=0.48)ซึ่งยอมรับสมมติฐานการวิจัย
4) ผลการศึกษาความพึงพอใจต่อการเรียน หลังการใช้การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ โดยใช้เทคนิค STAD ประกอบแบบฝึกทักษะ วิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 สรุปได้ว่า โดยรวมทุกด้านอยู่ในระดับมาก