การศึกษา การพัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ วิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน อ23102 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ของการศึกษา 4 ข้อ คือ เพื่อพัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 75/75 เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียน ที่มีต่อการเรียนด้วยแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ และเพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษาอังกฤษ ที่เรียนด้วยแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ วิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน อ23102 กับ เกณฑ์ที่กำหนด ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนแม่ทาวิทยาคม
ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนแม่ทาวิทยาคม สำนักงานเขตพื้นการศึกษามัธยมศึกษา เขต 35 ที่เรียนวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน อ23102 ปีการศึกษา 2556 จำนวน 91 คน ปีการศึกษา 2557 จำนวน 92 คน รวมทั้งหมดจำนวน 183 คน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการทดลองหาประสิทธิภาพ การทดลองครั้งที่ 1 (1:1) จำนวน 3 คน การทดลองครั้งที่ 2 กลุ่มเล็ก จำนวน 9 คน และการทดลองครั้งที่ 3 ภาคสนาม จำนวน 30 คน เป็นนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ปีการศึกษา 2556 และการนำไปใช้จริงทดลองใช้กับนักเรียนที่เลือกแบบเจาะจง เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/1 ปีการศึกษา 2557 จำนวน 27 คน
การวิเคราะห์ข้อมูล ค่าประสิทธิภาพใช้ค่าประสิทธิภาพของนวัตกรรม ( E1/E2) การเปรียบ เทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิเคราะห์ ค่าเฉลี่ย (x) ผลต่างระหว่างคะแนนของแต่ละคน (D) และการทดสอบค่าที ( t test) การวิเคราะห์ความพึงพอใจของนักเรียน วิเคราะห์คะแนนค่าเฉลี่ย (x ̅) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ( S.D. ) เทียบกับเกณฑ์ที่กำหนด และการวิเคราะห์การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้านทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ ใช้คะแนนจากการทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน เปรียบเทียบกับเกณฑ์ที่กำหนด (คะแนนเฉลี่ย ไม่ต่ำกว่า ร้อยละ 70 ) โดยใช้การทดสอบค่าที (t test)
ผลการศึกษา
1. ผลการสร้างและหาประสิทธิภาพของแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ วิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน อ23102 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่สร้างขึ้น จำนวน 7 เล่ม
พบว่า ค่าประสิทธิภาพ มีค่าเท่ากับ 85.73/85.98 สูงกว่าเกณฑ์ ( 75/75)
2. ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ระหว่างก่อนเรียน-หลังเรียน จากการใช้แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ วิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน อ23102 พบว่า คะแนนเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน ( x ̅ = 23.07 ) สูงกว่าก่อนเรียน ( x ̅ = 11.11 ) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .01 และผลการวิเคราะห์ผลสัมฤทธิ์ทาง การเรียนรายเล่ม พบว่า ทุกเล่มนักเรียนมีคะแนนเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน สูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .01 โดยแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษฯ เล่มที่ 2 เรื่อง Signs and Notices คะแนนเฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน มีค่ามากที่สุด
3. ผลการวิเคราะห์ความพึงพอใจของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ วิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน อ23102 พบว่า
ความพึงพอใจของนักเรียน ที่มีต่อการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจฯ มีคะแนนเฉลี่ยความพึงพอใจ ในภาพรวม เท่ากับ 4.66 เทียบกับเกณฑ์ มีความพึงพอ ใจอยู่ ในระดับพึงพอใจมากที่สุด
4. ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษาอังกฤษ ที่เรียนด้วยแบบด้านทักษะแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ วิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน อ23102 กับ เกณฑ์ที่กำหนดพบว่า คะแนนเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน ( x ̅ = 23.07 ) คิดเป็นร้อยละ 76.91 ของคะแนนเต็ม สูงกว่า เกณฑ์ที่กำหนดร้อยละ 70 (  = 21.00 ) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .01