บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสภาพปัญหาและกระบวนการบริหารเชิงยุทธศาสตร์ ในการป้องกันการแพร่ระบาดยาเสพติดในศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอหนองพอกประชากรในการวิจัยครั้งนี้จำนวน 2,451 คน ครู จำนวน 45 คน กลุ่มตัวอย่าง ในการวิจัยครั้งนี้ประกอบด้วยนักเรียนจำนวน 220 คนครูจำนวน 20 คนคณะกรรมการสถานศึกษา จำนวน 9 คนผู้ปกครองนักเรียน จำนวน 12คนผู้นำชุมชน จำนวน 12 คนและเจ้าหน้าที่ของรัฐ จำนวน 10 คน
ขั้นตอนการดำเนินการวิจัยมี 4 ขั้นตอน ดังนี้ การวิเคราะห์สถานการณ์ การกำหนด ยุทธศาสตร์ การปฏิบัติตามแผนยุทธศาสตร์และการประเมินผลตรวจสอบยุทธศาสตร์ เครื่องมือ ที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถาม เรื่อง กระบวนการบริหารเชิงยุทธศาสตร์เพื่อป้องกันการแพร่ ระบาดยาเสพติดในศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอหนองพอก ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น แล้วนำ ข้อมูลมาวิเคราะห์โดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเร็จรูปเพื่อหาค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน นอกจากนั้นมีการสนทนากลุ่มและการสัมภาษณ์ ผลการวิจัยพบว่า
ขั้นวิเคราะห์สถานการณ์
สภาพปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดเกิดจากความต้องการทดลองของตัวเด็ก ผู้ปกครองไม่ยอมรับความจริงที่ลูกของตนติดยาเสพติด พฤติกรรมการชอบเลียนแบบดาราหรือสื่อ ตามโฆษณาต่างๆ การคบเพื่อน ปัญหาความแตกแยกของครอบครัว การถูกหลอกลวง สภาพแวดล้อม และเกิดจากสภาพเศรษฐกิจในครอบครัวทำให้พ่อแม่ไม่มีเวลาดูแลลูก ยุทธศาสตร์ในการป้องกันการแพร่ระบาดของยาเสพติด ประกอบด้วยแนวทาง คือ 1) การป้องกัน 2) การปราบปราม และ 3) การบำบัดดูแลและช่วยเหลือ
ขั้นตอนการกำหนดยุทธศาสตร์เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของยาเสพติดในสถานศึกษา พบว่า ด้านการป้องกัน ประกอบด้วย ยุทธศาสตร์การให้ความรู้เกี่ยวกับยาเสพติด ยุทธศาสตร์ กิจกรรมต่อต้านยาเสพติดยุทธศาสตร์การสร้างบรรยากาศในสถานศึกษายุทธศาสตร์การประสานงาน กับผู้ปกครอง ด้านปราบปราม ประกอบด้วย ยุทธศาสตร์การปราบปราม และยุทธศาสตร์การลงโทษ และด้านบำบัด ดูแลและช่วยเหลือ ประกอบด้วย ยุทธศาสตร์กายภาพบำบัดและยุทธศาสตร์จิตบำบัด
ขั้นตอนการดำเนินกระบวนการเชิงยุทธศาสตร์เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของยาเสพติดในสถานศึกษา มีดังนี้การคัดกรองศึกษาที่เสพยาเสพติดจากอาจารย์ที่ปรึกษาและ หัวหน้าห้อง กิจกรรมการสารภาพของตัวนักศึกษา กิจกรรมการตรวจปัสสาวะ และกิจกรรม โครงการคนยุคใหม่ใส่ใจสุขภาพ นอกจากนี้ ยังได้ดำเนินกิจกรรมกับศึกษากลุ่มปกติ เช่น การเดินรณรงค์ร่วมกับสถานศึกษาในอำเภอหนองพอก ร่วมต่อต้านยาเสพติด การให้ความรู้เรื่องยาเสพติด ในคาบอบรมประจำสัปดาห์
ขั้นตอนการตรวจสอบและประเมินผลการดำเนินกิจกรรมเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด ของยาเสพติดในสถานศึกษา ประกอบด้วยด้านการวางแผน พบว่า ภาพรวมการปฏิบัติด้านการวางแผนอยู่ในระดับปานกลาง รายการที่มีการปฏิบัติมากที่สุดได้แก่ เปิดโอกาสให้นักเรียน ครู-อาจารย์ผู้ปกครอง ผู้นำชุมชน คณะกรรมการสถานศึกษา และองค์กรหน่วยงานในพื้นที่มีส่วนร่วมในการกำหนดยุทธศาสตร์และ มาตรการแพร่ระบาดยาเสพติดในโรงเรียน ส่วนรายการที่มีการปฏิบัติน้อยที่สุด ได้แก่ ระบุปัจจัย ความสำเร็จที่สำคัญของการป้องกันการแพร่ระบาดยาเสพติดและกำหนดลักษณะทรัพยากร ที่มีส่วนช่วยในการป้องกันการแพร่ระบาดยาเสพติดในสถานศึกษา
ด้านการบริหาร พบว่า ภาพรวมการปฏิบัติด้านการบริหารอยู่ในระดับปานกลาง รายการที่มีการปฏิบัติมากที่สุด ได้แก่ การควบคุมดูแลการจัดกิจกรรมการป้องกันการแพร่ระบาด ยาเสพติดในสถานศึกษาส่วนรายการที่มีการปฏิบัติน้อยที่สุด ได้แก่ จัดสรรทรัพยากรที่เกี่ยวกับ การป้องกันการแพร่ระบาดยาเสพติดในสถานศึกษาอย่างเพียงพอ
ด้านการตรวจสอบและการประเมินผล พบว่า ภาพรวมด้านการตรวจสอบและ การประเมินผล อยู่ในระดับปานกลาง รายการที่มีการปฏิบัติมากที่สุด ได้แก่ รวบรวมข้อมูลเพื่อ การตรวจสอบและประเมินผลการป้องกันการแพร่ระบาดยาเสพติดในสถานศึกษาอย่างเป็นระบบ ส่วนรายการที่มีการปฏิบัติน้อยที่สุด ได้แก่ วิเคราะห์สาเหตุความแตกต่างระหว่างผลงานและ มาตรฐานของผลงานด้านการปรับปรุงแก้ไข พบว่า ภาพรวมการปฏิบัติด้านการปรับปรุงแก้ไขอยู่ใน ระดับปานกลาง รายการที่มีการปฏิบัติมากที่สุด ได้แก่ แก้ไขปรับปรุงการป้องกันการแพร่ระบาด ของยาเสพติดในสถานศึกษาอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง และการระดมพลังจากผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายใน การปรับปรุงแก้ไขปัญหาการป้องกันการแพร่ระบาดยาเสพติดในสถานศึกษา ส่วนรายการที่มี การปฏิบัติน้อยที่สุด ได้แก่ มีการนำผลการตรวจสอบประเมินไปใช้แก้ไขปรับปรุงงานทุกครั้ง