บทสรุปสำหรับผู้บริหาร
ชื่อผลงาน การสร้างโอกาสในการเรียนรู้สู่สมรรถนะด้านอาชีพและการมีงานทำโดยใช้กลยุทธ์ เข้าใจ
เข้าถึง พัฒนา ในโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๔๓ จังหวัดสงขลา
ปีการศึกษา 2557 -2558
ผู้วิจัย นายวชิระ ขวัญเพชร ผู้อำนวยการโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๔๓ จังหวัดสงขลา
ปีที่ศึกษา ปีการศึกษา 2557 -2558
การวิจัยเรื่อง การสร้างโอกาสในการเรียนรู้สู่สมรรถนะด้านอาชีพและการมีงานทำโดยใช้กลยุทธ์ เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา ในโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๔๓ จังหวัดสงขลา ปีการศึกษา 2557 -2558 มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาระดับคุณภาพการสร้างโอกาสในการเรียนรู้สู่สมรรถนะด้านอาชีพ และการมีงานทำโดยใช้กลยุทธ์ เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา ในโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๔๓ จังหวัดสงขลา ก่อนการพัฒนา ปีการศึกษา 2557 และหลังการพัฒนา ปีการศึกษา 2558 2) เพื่อศึกษาพฤติกรรมการจัดการเรียนรู้ของครูในโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๔๓ จังหวัดสงขลา ปีการศึกษา 2557 และปีการศึกษา 2558 3) เพื่อศึกษาพฤติกรรมการเรียนรู้ของนักเรียนในโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๔๓ จังหวัดสงขลา ปีการศึกษา 2557 และปีการศึกษา 2558 4) เพื่อศึกษาสมรรถนะด้านอาชีพและการมีงานทำของนักเรียนในโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๔๓ จังหวัดสงขลา ปีการศึกษา 2557 และปีการศึกษา 2558 และ 5) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียน ครู ผู้ปกครอง และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานที่มีต่อการสร้างโอกาสในการเรียนรู้สู่สมรรถนะด้านอาชีพและการมีงานทำโดยใช้กลยุทธ์ เข้าใจ เข้าถึง พัฒนาในโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๔๓ จังหวัดสงขลาปีการศึกษา 2557 และปีการศึกษา 2558 กลุ่มตัวอย่าง ประกอบด้วย 1) นักเรียน ปีการศึกษา 2557 ใช้นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 - 5 ทุกคน และระดับชั้นมัธยมศึกษา ใช้นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1, 2, 4, 5 ทุกคน จำนวน 347 คน และปีการศึกษา 2558 ใช้นักเรียนกลุ่มเดิมที่เลื่อนชั้นไปเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 - 6 ทุกคน และระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2,3,5, 6 ทุกคน ปีการศึกษา 2558 จำนวน 327 คน 2) ครู ปีการศึกษา 2557 จำนวน 47 คน และปีการศึกษา 2558 จำนวน 50 คน 3) ผู้ปกครอง ปีการศึกษา 2557 จำนวน 347 คน และปีการศึกษา 2558 จำนวน 327 คน และ4) คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ปีการศึกษา 2557 และปีการศึกษา 2558 จำนวน 13 คน เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถามเป็นแบบสอบถามที่มีลักษณะเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ จำนวน 5 ฉบับ และแบบสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง จำนวน 1 ฉบับ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์ข้อมูลจากการสัมภาษณ์ ด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา
1. สรุปผล
1.1 ระดับคุณภาพการสร้างโอกาสในการเรียนรู้สู่สมรรถนะด้านอาชีพและการมีงานทำ โดยใช้กลยุทธ์ เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา ในโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๔๓ จังหวัดสงขลา ก่อนการพัฒนาปีการศึกษา 2557 ตามความคิดเห็นของนักเรียน ครู ผู้ปกครอง และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ในภาพรวม อยู่ในระดับมาก และภายหลังการพัฒนา ปีการศึกษา 2558 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด และเมื่อพิจารณาแต่ละด้าน พบว่า ทั้ง 4 ด้าน อยู่ในระดับมากที่สุด เช่นกัน
1.2 พฤติกรรมการจัดการเรียนรู้ของครูในโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๔๓ จังหวัดสงขลา ในปีการศึกษา 2557 ตามความคิดเห็นของนักเรียน ผู้ปกครอง และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานโดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก และเมื่อดำเนินการจัดการเรียนรู้ในปีการศึกษา 2558 พบว่า พฤติกรรมการจัดการเรียนรู้ของครู ตามความคิดเห็นของนักเรียน ผู้ปกครอง และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด
1.3 พฤติกรรมการเรียนรู้ของนักเรียนโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๔๓ จังหวัดสงขลา ในปีการศึกษา 2557 ตามความคิดเห็นของครู ผู้ปกครอง และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก และปีการศึกษา 2558 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด
1.4 สมรรถนะด้านอาชีพและการมีงานทำของนักเรียนในโรงเรียน ราชประชานุเคราะห์ ๔๓ จังหวัดสงขลา ปีการศึกษา 2557 ตามความคิดเห็นของนักเรียน ครู ผู้ปกครอง และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานใน 3 ด้าน คือ 1)ด้านการสนับสนุนปัจจัยพื้นฐาน 2) ด้านพัฒนาหลักสูตรและการจัดการเรียนรู้ และ3) ด้านการพัฒนาผู้เรียน โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก และปีการศึกษา 2558 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด
1.5 ความพึงพอใจของนักเรียน ครู ผู้ปกครอง และคณะกรรมการสถานขั้นพื้นฐาน ที่มีต่อการสร้างโอกาสในการเรียนรู้สู่สมรรถนะด้านอาชีพและการมีงานทำโดยใช้กลยุทธ์ เข้าใจ เข้าถึง พัฒนาในโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๔๓ จังหวัดสงขลา ปีการศึกษา 2557 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก และปีการศึกษา 2558 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด
1.6 ผลการสัมภาษณ์แบบเจาะลึกเกี่ยวกับการสร้างโอกาสในการเรียนรู้สู่สมรรถนะด้านอาชีพ และการมีงานทำโดยใช้กลยุทธ์ เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา ในโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๔๓ จังหวัดสงขลาผู้ให้สัมภาษณ์ได้เสนอแนะแนวทาง ซึ่งประกอบด้วย 1) ด้านการสนับสนุนปัจจัยพื้นฐาน ควรให้ความรู้แก่นักเรียนมีส่วนร่วมในการทำบัญชีรับ-จ่าย ของครอบครัว ควรให้ครู คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ชุมชนร่วมประชุมวางแผนพัฒนาโรงเรียน และร่วมกิจกรรมต่าง ๆ 2) ด้านพัฒนาหลักสูตรและการจัดการเรียนรู้ ควรให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการวางแผนการปรับวิธีเรียนเปลี่ยนวิธีสอนการจัดกิจกรรมเสริมหลักสูตร จัดแหล่งเรียนรู้นอกห้องเรียน และ 3) ด้านการพัฒนาผู้เรียน ควรส่งเสริมสนับสนุนให้นักเรียนช่วยเหลืองานและกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อสร้างจิตสำนึกถึงคุณธรรมจริยธรรมที่ดีงาม และกระตุ้น สร้างขวัญ และกำลังใจให้นักเรียนมีความสุข สนุกสนานในการร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ต่างๆ เพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้และสืบทอดอาชีพในท้องถิ่น นักเรียนมีความตระหนัก มีความเชื่อมั่นในตนเอง และสามารถนำความรู้ไปประกอบอาชีพในชีวิตประจำวันได้
ข้อเสนอแนะ
1. ข้อเสนอแนะในการนำผลการวิจัยไปใช้
1.1 ควรจัดกิจกรรมฝึกทักษะด้านอาชีพและการมีงานให้หลากหลายสาขายิ่งขึ้นเพื่อจะได้เป็นทางเลือกให้กับนักเรียน และเป็นการค้นพบความถนัดทางอาชีพ
1.2 ควรฝึกทักษะงานอาชีพในช่วงเวลาปิดภาคเรียน เพราะเป็นกิจกรรมที่ต้องฝึกทักษะหลายขั้นตอนต้องใช้เวลาในการฝึกหลายชั่วโมง
1.3 ควรสนับสนุนให้ครูผู้สอนได้รับการฝึกอบรมจากศูนย์ฝึกฝีมืองานอาชีพโดยตรงอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อจะได้นำความรู้มาถ่ายทอดให้กับนักเรียนได้ถูกต้องต่อไป
2. ข้อเสนอแนะในการประเมินครั้งต่อไป
2.1 ควรมีการศึกษาแนวทางในการสร้างโอกาสในการเรียนรู้สู่สมรรถนะด้านอาชีพและการมีงานทำ ให้กับนักเรียน จนเป็นที่ยอมรับของบุคคลทั่วไป
2.2 ควรศึกษาหาแนวทางฝึกทักษะงานอาชีพในสาขาที่ขาดแคลนของตลาดแรงงาน หรือเป็นที่ต้องการของสถานประกอบการให้กับนักเรียน
2.3 ควรศึกษาปัญหาและอุปสรรคที่อาจจะเกิดขึ้นจากการสร้างโอกาสในการเรียนรู้สู่สมรรถนะด้านอาชีพและการมีงานทำอย่างชัดเจน