ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติมถึง(ฉบับที่ 3 ) พ.ศ. 2553 หมวด 1มาตราที่ 6 ได้กำหนดแนวการจัดการศึกษาต้องเป็นไปเพื่อพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ทั้งร่างการ จิตใจ สติปัญญา ความรู้ และคุณธรรม มีจริยธรรมและวัฒนธรรมในการดำรงชีวิต สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข และมาตรา 7 ในกระบวนการเรียนรู้ต้องมุ่งปลูกฝังจิตสำนึกที่ถูกต้องเกี่ยวกับการเมืองการ ปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รู้จักรักษาและส่งเสริมสิทธิ หน้าที่ เสรีภาพ ความเคารพกฎหมาย ความเสมอภาค และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ มีความภาคภูมิใจในความเป็นไทย รู้จักรักษาผลประโยชน์ส่วนรวมและของประเทศชาติ รวมทั้งส่งเสริมศาสนา ศิลปวัฒนธรรมของชาติ การกีฬา ภูมิปัญญาท้องถิ่น ภูมิปัญญาไทย และความรู้อันเป็นสากล ตลอดจนอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วยตนเองอย่างต่อเนื่อง
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ได้กำหนดให้กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เป็นสาระการเรียนรู้พื้นฐานที่ผู้เรียนต้องเรียน ประกอบด้วยศาสตร์ต่าง ๆ หลายสาขา มีลักษณะเป็นสหวิทยาการมุ่งเน้นให้ผู้เรียนมีความรู้ มีทักษะ กระบวนการ มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมที่พึงประสงค์ รวมทั้งได้แสดงบทบาทและความรับผิดชอบ ทั้งต่อตนเองและต่อสภาพแวดล้อม (กรมวิชาการ 2545 ก : 12 ) และช่วยพัฒนาทักษะเกี่ยวกับเจตคติ จริยธรรม และค่านิยม โดยผ่านประสบการณ์การเรียนรู้ และทัศนะต่าง ๆ อย่างหลากหลาย ได้รับการพัฒนาเกี่ยวกับการเป็นสมาชิกที่ดีในสังคมประชาธิปไตย (กรมวิชาการ 2546 : 3) และเป็นกลุ่มสาระการเรียนรู้ที่มาจากหลายหลายแขนงวิชาประกอบด้วยสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวกับศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม หน้าที่พลเมือง วัฒนธรรม และการดำรงชีวิตในสังคม เศรษฐศาสตร์ ประวัติศาสตร์ และภูมิศาสตร์ ซึ่งมุ่งเน้นให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจการดำรงชีวิตของมนุษย์ ทั้งในฐานะปัจเจกบุคคลและการอยู่ร่วมกันในสังคม การปรับตัวตามสภาพแวดล้อม การจัดการทรัพยากรที่อยู่อย่างจำกัด เข้าใจถึงการพัฒนาการเปลี่ยนแปลงตามยุคสมัย กาลเวลา ตามเหตุปัจจัยต่าง ๆ เกิดความเข้าใจในตนเองและผู้อื่น มีความอดทน อดกลั้น ยอมรับในความแตกต่างและมีคุณธรรม สามารถนำความรู้ไปปรับใช้ในการดำเนินชีวิต สามารถอยู่ร่วมกันในสังคมที่มีความเชื่อมสัมพันธ์กัน และมีความแตกต่างกันอย่างหลากหลาย สามารถปรับตนเองกับบริบทสภาพแวดล้อม เป็นพลเมืองดี มีความรับผิดชอบ มีความรู้ ทักษะ คุณธรรม และค่านิยมที่เหมาะสม เป็นพลเมืองดีของประเทศชาติและสังคมโลก (กระทรวงศึกษาธิการ. 2551 : 1)
ในปีการศึกษา 2557 กระทรวงศึกษาธิการมีนโยบายเกี่ยวกับการปรับปรุงหลักสูตรการเรียนการสอน และการบริหารจัดการเรื่อง การปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม การสร้างวินัย การมีจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคมยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และมีความภาคภูมิใจในความเป็นไทย ตลอดจนการเรียนการสอนในวิชาประวัติศาสตร์ และหน้าที่พลเมือง รวมถึงการสอนศีลธรรมแก่นักเรียนซึ่งเป็นสิ่งสำคัญและควรส่งเสริมการเรียนให้เข้มข้น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จึงได้แจ้งรายละเอียดการดำเนินงานตามนโยบายของ (คสช) ตามหนังสือที่ ศธ 04010/ ว 779 ลงวันที่ 26 มิถุนายน 2557 เรื่อง แนวปฏิบัติที่สอดคล้องกับนโยบายการจัดการเรียนการสอนประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมือง เพื่อให้มีความชัดเจนในการปฏิบัติงานในทางเดียวกัน จึงกำหนดเป็นแนวปฏิบัติ 2 ข้อ คือ 1) การจัดการเรียนการสอนประวัติศาสตร์ ให้เป็นไปตามโครงสร้างเวลาเรียนของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 2) การจัดการเรียนการสอนหน้าที่พลเมือง ให้สถานศึกษาจัดรายวิชาหน้าที่พลเมืองเป็นรายวิชาเพิ่มเติม ทุกระดับชั้นและช่วงชั้น โดยดำเนินการดังนี้ ระดับประถมศึกษา (ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 6) ให้สถานศึกษาจัดรายวิชา หน้าที่พลเมือง เป็นรายวิชาเพิ่มเติม จำนวน 40 ชั่วโมงต่อปี โดยดำเนินการตั้งแต่ภาคเรียนที่2 ของปีการศึกษา 2557 และต่อไป สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานได้มีหนังสือราชการ ที่ ศธ 04010/ว 1239 ลงวันที่ 1 กันยายน 2557 เรื่อง ชี้แจงแนวปฏิบัติที่สอดคล้องกับนโยบายการจัดการเรียนการสอนหน้าที่พลเมืองเพิ่มเติม โดยมีรายละเอียดชี้แจงแจ้งแนวปฏิบัติเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดำเนินงานให้สอดคล้องกับนโยบายการจัดการเรียนการสอน/ ประวัติศาสตร์ และหน้าที่พลเมือง คือ 1) การจัดการเรียนการสอนประวัติศาสตร์ ให้เป็นไปตามโครงสร้างเวลาเรียนของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาพุทธศักราช 2551 2) การจัดการเรียนการสอนหน้าที่พลเมือง ให้สถานศึกษาจัดรายวิชาหน้าที่พลเมืองเป็นรายวิชาเพิ่มเติม ทุกระดับชั้นและช่วงชั้น โดยดำเนินการดังนี้ ระดับประถมศึกษา(ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6 และระดับมัธยมศึกษาตอนต้น(ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-3) ให้สถานศึกษาจัดรายวิชา หน้าที่พลเมือง เป็นรายวิชาเพิ่มเติม จำนวน 40 ชั่วโมงต่อปี ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5-6) ให้สถานศึกษาจัดรายวิชา หน้าที่พลเมือง เป็นรายวิชาเพิ่มเติมจำนวน 80 ชั่วโมงตลอด 3 ปี (2 หน่วยกิต ) นั้น เพื่อให้เป็นไปตามแนวปฏิบัติดังกล่าว สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ขอชี้แจงเพิ่มเติมดังนี้ 1) ให้สถานศึกษาเพิ่มรายวิชา หน้าที่พลเมือง ลงในหลักสูตรของสถานศึกษาเป็น รายวิชาเพิ่มเติม ในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม คือ (1.1) ระดับประถมศึกษา(ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6) จำนวน 6 รายวิชา รายวิชาละ 40 ชั่วโมงต่อปี (1.2) ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-3) จำนวน 6 รายวิชา รายวิชาละ 20 ชั่วโมง (0.5 หน่วยกิต) ต่อภาคเรียน (1.3) ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6) จำนวน 4 รายวิชา รายวิชาละ 20 ชั่วโมง (0.5 หน่วยกิต ) ต่อภาคเรียน (ตลอด 3 ปี 2หน่วยกิต) 2) ให้สถานศึกษากำหนดรหัสรายวิชาเพิ่มเติมหน้าที่พลเมือง ในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม โดยใช้รหัสรายวิชาหลักที่ 1-4 ตามที่กำหนด ส่วนหลักที่ 5 และ 6 ลำดับที่ของรายวิชา ให้เป็นไปตามที่สถานศึกษากำหนด แล้วนำเสนอคณะกรรมการสถานศึกษาให้ความเห็นชอบ
ในฐานะที่ผู้รับผิดชอบกลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ที่ต้องพัฒนาครูผู้สอน รูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนกลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม และการบูรณาการกับนโยบาย คำสั่ง ที่ต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนและเพื่อต้องการยกรระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จึงได้จัดทำเอกสารแนวทางการพัฒนาครูผู้สอนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เพื่อดำเนินงานในสถานศึกษา ปีการศึกษา 2557 2558
วัตถุประสงค์
เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
เป้าหมาย
ครูผู้สอนกลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ทุกคน
หลักการ แนวคิด ทฤษฎี
แนวทางการพัฒนาครูผู้สอนกลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ปีการศึกษา 2557 2558 ได้ศึกษาวิเคราะห์ ข้อมูลสภาพการจัดการเรียนรู้ของครูผู้สอนกลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม จากผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จากแบบสอบถาม และจากนโยบายต่างๆของรัฐบาล กระทรวงศึกษาธิการ และคำสั่งอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง สำหรับเขตพื้นที่การศึกษาและโรงเรียนต้องดำเนินการ จะทำให้ครูผู้สอนได้รับการพัฒนาอย่างเป็นระบบ มีกระบวนการพัฒนาที่ต่อเนื่อง ส่งผลต่อประสิทธิภาพการจัดการเรียนรู้ โดยผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่สูงขึ้น จึงได้จัดทำแนวทางการพัฒนาครูผู้สอนกลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ปีการศึกษา 2557 2558 ดังนี้
แนวทางการพัฒนาครูผู้สอน กลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
ปีการศึกษา 2557 2558
หลักการ แนวคิด ทฤษฎีที่ใช้ในการดำเนินงาน ดังนี้
1. หลักการมีส่วนร่วม ตามวงจรคุณภาพ PDCA
2. การพัฒนาที่บูรณาการส่งผลต่อคุณภาพ
3. การประเมินคุณภาพผู้เรียนตามสภาพจริง ส่งผลต่อการพัฒนาผู้เรียนเป็นรายบุคคล
กระบวนการของการพัฒนาครู
จากหลักการ แนวคิด ทฤษฎี การดำเนินงานที่ใช้วงจรพัฒนาคุณภาพ PDCA การพัฒนาที่บูรณาการเพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ในการพัฒนาครูผู้สอนกลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีประเด็นการดำเนินงานตามแนวคิด
จากประเด็นการพัฒนาทุกประเด็น ต้องมีการดำเนินงานตามวงจรคุณภาพ PDCA การบูรณา
การ เพื่อการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ได้ดำเนินการเชื่อมโยงกันทุกประเด็น เพื่อการส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียน ในแต่ละประเด็นก็จะมีวิธีการปฏิบัติเชิงลึก และที่ประสบความสำเร็จที่เป็นวิธีปฏิบัติที่ดี (Best Practice)
คือ การใช้แหล่งเรียนรู้ในท้องถิ่น
วิธีปฏิบัติที่ดี Best Practice
คือการพัฒนา สื่อ แหล่งเรียนรู้ ในท้องถิ่น โดยมีวิธีการดำเนินการ ดังนี้
1. สร้างความตระหนักให้กับครูผู้สอน
2. เผยแพร่ ประชาสัมพันธ์ ข่าวสารอย่างต่อเนื่อง
3. จัดกิจกรรมพัฒนาด้วยวิธีการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง
4. แลกเปลี่ยนประสบการณ์ เพื่อการพัฒนาที่ต่อยอด
การพัฒนาครูผู้สอนกลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ประกอบด้วย
ประเด็นการพัฒนา วิธีการพัฒนา ที่เน้นการมีส่วนร่วมตามวงจรคุณภาพ PDCA และวิธีปฏิบัติที่ดี
(Best Practice) คือ การพัฒนาสื่อและแหล่งเรียนรู้ในท้องถิ่น โดยสรุป ดังนี้
ผลการดำเนินงาน
จากการดำเนินงานตามกระบวนการพัฒนาครูผู้สอนกลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ปีการศึกษา 2557 2558 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเฉลี่ย กลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม มีค่าเฉลี่ยร้อยละ 51.72 และ 51.90 และมีค่าเฉลี่ยสูงกว่าระดับประเทศ
การนำไปใช้และการขยายผล
ปีการศึกษา 2557 กระทรวงศึกษาธิการกำหนดให้มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างของกลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม โดยการจัดหลักสูตร เป็นรายวิชาเพิ่มเติม(หน้าที่พลเมือง) จึงได้ดำเนินการอย่างจริงจัง และประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี จึงได้เสนอเป็นวิธีปฏิบัติทีดี (Best Practice)
ในปีการศึกษา 2558 ในการจัดกิจกรรมกลุ่ม 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้
ในปีการศึกษา 2558 กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศนโยบายเพื่อการปฏิรูปการศึกษา นโยบายที่สำคัญ คือ นโยบายลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ ในส่วนที่เกี่ยวข้องในกลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ที่สำคัญ คือ การใช้แหล่งเรียนรู้ในท้องถิ่น จึงได้ดำเนินการตามกระบวนการและได้รับการคัดเลือกจาก สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสงขลาเขต 1 ให้นำเสนอในการจัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ของกลุ่ม 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้
นอกจากนี้มีการเผยแพร่ภายในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสงขลา เขต 1 และเผยแพร่ทางเว็บไซต์ครูบ้านนอกดอทคอม
เอกสารประกอบ
1. การจัดกิจกรรมพัฒนาการเรียนรู้รายวิชาเพิ่มเติมหน้าที่พลเมือง
2. การสร้างเครื่องมือประเมินภาคปฏิบัติ รายวิชาเพิ่มเติมหน้าที่พลเมือง
3. เครื่องมือวัดและประเมินผล ความสามารถในการอ่าน การเขียน
4. คู่มือแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการสร้างเครื่องมือวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน