ชื่อเรื่อง การพัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การบวก การลบ
การคูณ และการหารทศนิยม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
ผู้วิจัย นางสาวนุจรี สุดทีป
สถานศึกษา โรงเรียนวัดท่าซุด (เจริญศิลป์) อำเภอโกรกพระ สำนักงานเขตพื้นที่
การศึกษาประถมศึกษานครสวรรค์ เขต 1
ปีการศึกษา 2559
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการศึกษาเพื่อพัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การบวก การลบ การคูณ และการหารทศนิยม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยมีความ มุ่งหมายเพื่อ 1) พัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 และมีค่าดัชนีประสิทธิผลไม่น้อยกว่า 0.5 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน และ3) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การบวก การลบ การคูณ และการหารทศนิยม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ใช้รูปแบบการวิจัยแบบหนึ่งกลุ่ม ทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน ซึ่งกลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ปีการศึกษา 2558 โรงเรียนวัดท่าซุด (เจริญศิลป์) สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครสวรรค์ เขต 1 จำนวน 12 คน ได้มาโดยการเลือกตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ แบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การบวก การลบ การคูณ และการหารทศนิยม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 8 เล่ม แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การบวก การลบ การคูณ และ การหารทศนิยม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 40 ข้อ มีค่าอำนาจจำแนกรายข้อ (B) ตั้งแต่ 0.20 ถึง 0.87 ค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบทั้งฉบับเท่ากับ 0.95 และแบบสอบถามวัดความพึงพอใจของนักเรียน ที่มีต่อแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การบวก การลบ การคูณ และการหารทศนิยม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 1 ฉบับ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ และทดสอบสมมุติฐานโดยใช้ (Dependent Sampling t test) ผลการวิจัยพบว่า
1) แบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การบวก การลบ การคูณ และการหารทศนิยม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีประสิทธิภาพ (E1/ E2) เท่ากับ 83.02/82.08 และค่าดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การบวก การลบ การคูณ และการหารทศนิยม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีค่าเท่ากับ 0.65 นั่นแสดงว่า นักเรียนมีความรู้เพิ่มขึ้นหลังจากเรียนด้วยแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เท่ากับร้อยละ 65
2) นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่เรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การบวก การลบ การคูณ และการหารทศนิยม มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3) นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีความพึงพอใจต่อการเรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การบวก การลบ การคูณ และการหารทศนิยม อยู่ในระดับมากที่สุด ( x̄ = 4.52, S.D. = 0.65)
สรุปได้ว่า แบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การบวก การลบ การคูณ และการหารทศนิยม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่ผู้วิจัยได้พัฒนาขึ้น สามารถทำให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น จึงควรสนับสนุนให้ครูนำแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ไปใช้เป็นสื่อในการจัดการเรียนการสอนต่อไป