บทคัดย่อ
ชื่อเรื่อง : รายงานการประเมินโครงการแก้ปัญหานักเรียนอ่านไม่ออกและอ่านไม่คล่อง
โรงเรียนเทศบาลวัดโคกสะท้อน สังกัดเทศบาลเมืองทุ่งสง ตำบลปากแพรก
อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช
ชื่อผู้ประเมิน : นายเสวียน สุวรรณภักดี
โรงเรียน : โรงเรียนเทศบาลวัดโคกสะท้อน
ปีที่ประเมิน : 2558
การประเมินโครงการแก้ปัญหานักเรียนอ่านไม่ออกและอ่านไม่คล่อง โรงเรียนเทศบาล
วัดโคกสะท้อน สังกัดเทศบาลเมืองทุ่งสง ตำบลปากแพรก อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช ครั้งนี้ใช้แบบจำลองการประเมินซีโป CPO (CPOS Evaluation Model) มีจุดประสงค์ 1) เพื่อประเมินปัจจัยพื้นฐานด้านสภาวะแวดล้อมของโครงการ (Context) ได้แก่ (1.1) ความต้องการจำเป็นของโครงการ (Need Assessment) (1.2) ความเป็นไปได้ของโครงการ (Feasibility) (1.3) วัตถุประสงค์ของโครงการ (Objectives) (1.4) ความพร้อมและทรัพยากรในการดำเนินการ (Readiness and resources) 2) เพื่อประเมินกระบวนการปฏิบัติงานระหว่างดำเนินการของโครงการ (Process) ได้แก่(2.1) กิจกรรมโครงการ (Activity) (2.2) ช่วงเวลา (Timing) 3) เพื่อประเมินผลผลิตของโครงการ (Outcome) ได้แก่ ผลการดำเนินการหลังการดำเนินโครงการที่เป็นผลรวม (Overall) 4) เพื่อประเมินความพึงพอใจของผู้ปกครองที่มีต่อโครงการแก้ปัญหาการอ่านไม่ออกและอ่านไม่คล่อง โรงเรียนเทศบาลวัดโคกสะท้อน สังกัดเทศบาลเมืองทุ่งสง ตำบลปากแพรก อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช และ 5 เพื่อประเมินความสามารถในการอ่านของนักเรียนหลังการดำเนินโครงการแก้ปัญหาการอ่านไม่ออกและอ่านไม่คล่อง โรงเรียนเทศบาลวัดโคกสะท้อน สังกัดเทศบาลเมืองทุ่งสง ตำบลปากแพรก อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช
กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการประเมินครั้งนี้ ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษา ครูผู้สอนคณะกรรมการสถานศึกษา นักเรียนและผู้ปกครองนักเรียน โรงเรียนเทศบาลวัดโคกสะท้อน สังกัดเทศบาลเมืองทุ่งสง ตำบลปากแพรก อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช ปีการศึกษา 2558 รวม 188 คน จำแนกเป็น ผู้บริหาร 2 คน ครู 40 คน รวมทั้งสิ้น 42 คน คณะกรรมการสถานศึกษา จำนวน 13 คน และผู้ปกครองนักเรียนที่อ่านหนังสือไม่ออกและอ่านไม่คล่อง จำนวน 133 คน
เครื่องมือที่ใช้ในการประเมิน เป็นแบบสอบถามที่ผู้ประเมินสร้างขึ้นจากการกำหนดกรอบแนวคิดในการประเมินจากเนื้อหา ทฤษฎี และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาการอ่านไม่ออกและอ่านไม่คล่อง มีจำนวน 4 ฉบับ ดังนี้ ฉบับที่ 1 เป็นแบบสอบถามสำหรับผู้บริหารแล ครูผู้สอน และคณะกรรมการสถานศึกษา สอบถามเกี่ยวกับปัจจัยพื้นฐานด้านสภาวะแวดล้อมของโครงการ (Context) จำนวน 45 ข้อ มีค่าความเชื่อมั่นรวมทั้งฉบับ เท่ากับ .975 ประกอบด้วย ด้านความต้องการจำเป็นของโครงการ (Need Assessment) จำนวน 15 ข้อ มีค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ .951 ด้านความเป็นไปได้ของโครงการ (Feasibility) จำนวน 12 ข้อ มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ .951
ด้านวัตถุประสงค์ของโครงการ (Objectives) จำนวน 8 ข้อ มีค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ .913 ด้านความพร้อมและทรัพยากร (Readiness and Resources) จำนวน 10 ข้อ มีค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ .890 ฉบับที่ 2 เป็นแบบสอบถามสำหรับครูผู้สอน สอบถามเกี่ยวกับกระบวนการปฏิบัติระหว่างดำเนินโครงการ (Process) จำนวน 30 ข้อ มีค่าความเชื่อมั่นรวมทั้งฉบับ เท่ากับ .963 ประกอบด้วย
ด้านการดำเนินกิจกรรมโครงการ (Activity) จำนวน 23 ข้อ มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ .960 และช่วงเวลาการดำเนินการ (Timing) จำนวน 7 ข้อ มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ .909 ฉบับที่ 3
เป็นแบบสอบถามสำหรับครูผู้สอน สอบถามเกี่ยวกับผลผลิต (Outcome) ที่เกี่ยวกับผลรวม (Overall) จำนวน 12 ข้อ มีค่าความเชื่อมั่นรวมทั้งฉบับ เท่ากับ .926 ฉบับที่ 4 เป็นแบบสอบถาม สำหรับผู้ปกครองนักเรียน สอบถามเกี่ยวกับความพึงพอใจที่มีต่อโครงการแก้ปัญหานักเรียนอ่าน
ไม่ออกและอ่านไม่คล่อง โรงเรียนเทศบาลวัดโคกสะท้อน สังกัดเทศบาลเมืองทุ่งสง ตำบลปากแพรก อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช จำนวน 10 ข้อ มีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ .913
ผลการประเมินพบว่า
1.ด้านปัจจัยพื้นฐานด้านสภาวะแวดล้อมของโครงการ (Context) โดยรวมมีผลการประเมินอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาตามองค์ประกอบในแต่ละด้านย่อยได้ ปรากฏผล ดังนี้
1.1 ด้านต้องการจำเป็น (Need Assessment) ของโครงการโดยรวม มีผลการประเมินอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ นักเรียนมีปัญหาอ่านหนังสือไม่ออก มีผลการประเมินอยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมา คือ นักเรียนมีปัญหาอ่านหนังสือไม่คล่อง และนักเรียนประสบปัญหาไม่สามารถทำกิจกรรมการเรียนการสอนภายในห้องเรียน มีผลการประเมินอยู่ในระดับมาก และข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือนักเรียนมีผลการทดสอบระดับชาติ O-NET ต่ำ มีผลการประเมินอยู่ในระดับมาก
1.2 ด้านความเป็นไปได้ (Feasibility) ของโครงการโดยรวมมีผลการประเมินอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ โครงการแก้ปัญหานักเรียนอ่านไม่ออกและอ่านไม่คล่องสอดสอดคล้องกับสภาพปัญหาการอ่านของนักเรียน มีผลการประเมินอยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมา คือ ครูผู้สอนที่รับผิดชอบโครงการมีความรู้ ความสามารถในการจัดกิจกรรมแก้ปัญหาการอ่านไม่ออกและอ่านไม่คล่อง และโรงเรียนได้รับความร่วมมือและสนับสนุนโครงการแก้ปัญหานักเรียนอ่านไม่ออกและอ่านไม่คล่องจากหน่วยงานและองค์ในชุมชน มีผลการประเมินอยู่ในระดับมากที่สุด และข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ ผู้ปกครองให้ความร่วมมือให้นักเรียนมาเรียนซ่อมเสริมในตอนเย็นหลังเลิกเรียนและวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ มีผลการประเมินอยู่ในระดับมาก
1.3 ด้านวัตถุประสงค์ (Objectives) ของโครงการโดยรวมมีผลการประเมินอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ วัตถุประสงค์สอดคล้องกับสภาพปัญหาการอ่านของนักเรียน มีผลการประเมินอยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมา คือ วัตถุประสงค์สอดคล้องกับนโยบายของต้นสังกัด มีผลการประเมินอยู่ในระดับมาก และข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือกำหนดเป้าหมายสอดคล้องกับวัตถุประสงค์มีผลการประเมินอยู่ในระดับมาก
1.4 ด้านความพร้อมและทรัพยากรในการดำเนินงาน โดยรวมมีผลการประเมินอยู่ในระดับมากเมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ครูผู้สอนตามโครงการมีความรู้
ความเข้าใจในการจัดกิจกรรมแก้ปัญหาการอ่าน มีผลการประเมินอยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมาคือผู้ปกครอง ผู้บริหาร และครูให้ความร่วมมือในการดำเนินโครงการแก้ปัญหาการอ่าน มีผลการประเมินอยู่ในระดับมากที่สุด และข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ มีเครื่องมือประเมินการอ่านสำหรับใช้ประเมินการอ่าน และ โรงเรียนจัดให้มีหนังสือสำหรับส่งเสริมการอ่านที่เหมาะสมกับวัยนักเรียนอย่างเพียงพอ มีผลการประเมินอยู่ในระดับมาก
2. ด้านกระบวนการปฏิบัติงานระหว่างดำเนินการของโครงการ (Process) โดยรวม มีผลการประเมินอยู่ในระดับมาก ผ่านเกณฑ์การประเมิน เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านย่อย ปรากฏผล ดังนี้
2.1 ด้านกิจกรรมการดำเนินงาน (Activity) โดยรวมมีผลการประเมินอยู่ในระดับมาก
เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ครูจัดทำเครื่องมือ คู่มือในการดำเนินกิจกรรมได้สอดคล้องกับปัญหา มีผลการประเมินอยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมา คือ ครูประเมินการอ่านนักเรียนกลุ่มเป้าหมายอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ มีผลการประเมินอยู่ในระดับมากที่สุด และข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือเวลาที่ใช้ในการสอนซ่อมเสริมแต่ละครั้งได้เพียงพอและเหมาะสม มีผลการประเมินอยู่ในระดับมาก
2.2 ด้านช่วงเวลาการดำเนินงาน (Timing) โดยรวมมีผลการประเมินอยู่ในระดับมากเมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ การนิเทศ กำกับ ติดตามการดำเนินงาน
ของโครงการเป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนด มีผลการประเมินอยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมา คือ คณะกรรมการผู้รับผิดชอบการดำเนินโครงการมีเวลาในการเตรียมความพร้อมของการดำเนินงาน และการประเมินผลการดำเนินโครงการเป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนด มีผลการประเมินอยู่ในระดับมากที่สุด และข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ กิจกรรมในโครงการดำเนินไปตามระยะเวลาที่กำหนด มีผลการประเมินอยู่ในระดับมาก
3. ด้านผลผลิตของโครงการ (Outcome) เฉพาะผลรวม (Overall) โดยรวมมีผลการประเมินอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ นักเรียนกลุ่มเป้าหมายอ่านหนังสือออก มีผลการประเมินอยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมา คือ นักเรียนกลุ่มเป้าหมาย
อ่านหนังสือได้คล่อง มีผลการประเมินอยู่ในระดับมากที่สุด และข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ นักเรียนกลุ่มเป้าหมายสามารถอ่านหนังสือได้ด้วยตัวเอง มีผลการประเมินอยู่ในระดับมาก
4. ผู้ปกครองนักเรียนมีความพึงพอใจต่อโครงการแก้ปัญหานักเรียนอ่านไม่ออกและ
อ่านไม่คล่อง โดยรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่าข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ โครงการแก้ปัญหานักเรียนอ่านไม่ออกและอ่านไม่คล่อง ช่วยแก้ปัญหาให้นักเรียนท่านอ่านหนังสือออก มีผลการประเมินอยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมา คือ โครงการแก้ปัญหานักเรียนอ่านไม่ออกและอ่านไม่คล่อง ช่วยแก้ปัญหาให้นักเรียนท่านอ่านหนังสือคล่อง มีผลการประเมินอยู่ในระดับมากที่สุด และข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือโครงการแก้ปัญหานักเรียนอ่านไม่ออกและอ่านไม่คล่อง ช่วยให้นักเรียนท่านมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น มีผลการประเมินอยู่ในระดับมาก
5. หลังการดำเนินโครงการแก้ปัญหาการอ่านไม่ออกและอ่านไม่คล่อง โรงเรียนเทศบาล
วัดโคกสะท้อน สังกัดเทศบาลเมืองทุ่งสง ตำบลปากแพรก อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช นักเรียนกลุ่มเป้าหมายอ่านหนังสือออกในทุกระดับชั้นคิดเป็นร้อยละร้อย และอ่านหนังสือคล่องในทุกระดับชั้นคิดเป็นร้อยละร้อย