ชื่อเรื่อง การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
โดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วนและทศนิยม
ผู้ศึกษา นางสาวจันทรักษ์ พลวงค์
โรงเรียน เทศบาลพรเจริญ สังกัดเทศบาลตำบลพรเจริญ จังหวัดบึงกาฬ
ปีที่ศึกษา 2558
บทคัดย่อ
การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้
แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วนและทศนิยม มีความมุ่งหมายเพื่อ 1) พัฒนาแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วน สำหรับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียน
จากแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ ที่ผู้ศึกษาพัฒนาขึ้น 3) ศึกษาดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ ที่ผู้ศึกษาพัฒนาขึ้น และ 4) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ ที่ผู้ศึกษาพัฒนาขึ้น
กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4/1 ที่เรียนในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา
2558 จำนวน 28 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยในการสุ่ม เครื่องมือที่ใช้ คือ แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วนและทศนิยม จำนวน 10 เล่ม แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 28 แผน แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก (Multiple Choice) ประกอบด้วยข้อคำถาม 30 ข้อ ซึ่งมีค่าอำนาจจำแนก (B) ตั้งแต่ 0.24 ถึง 0.62 และมีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับของแบบทดสอบ
มีค่าเท่ากับ 0.92 และแบบประเมินความพึงพอใจชนิดมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ
(Rating Scale) ประกอบด้วยข้อคำถาม 10 ข้อ มีค่าอำนาจจำแนกรายข้อตั้งแต่ 0.51 ถึง 0.74 มีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.89 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย
ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติ t-test (Dependent Samples)
ผลการศึกษาพบว่า
1. ประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วนและทศนิยม
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เท่ากับ 84.07/83.21 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ (80/80)
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. ดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์มีค่าเท่ากับ 0.7889
4. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ อยู่ในระดับมาก ( = 4.36, S.D. = 0.42)
โดยสรุป แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วนและทศนิยม สำหรับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลเหมาะสมทำให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงขึ้นและมีความพึงพอใจในระดับมากจึงสามารถนำไปใช้ในการเรียนการสอนได้อย่างเหมาะสม