บทคัดย่อ
การศึกษามีวัตถุประสงค์ เพื่อ 1) สร้างชุดกิจกรรม รายวิชาฟิสิกส์ 1 เรื่อง การเคลื่อนที่
ในแนวตรง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 และมีค่าดัชนีประสิทธิผล ตั้งแต่ 0.50 ขึ้นไป 2) เปรียบเทียบคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชาฟิสิกส์ 1 เรื่อง
การเคลื่อนที่ในแนวตรง ก่อนเรียนและหลังเรียนของมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่เรียนโดยใช้ชุดกิจกรรม
3) เปรียบเทียบเจตคติทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่เรียนโดยใช้ชุดกิจกรรม รายวิชาฟิสิกส์ 1 เรื่อง การเคลื่อนที่ในแนวตรง
ประชากรที่ใช้ในการศึกษาเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนน้ำพองศึกษา อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 25 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2557 จำนวน 300 คน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/2 โรงเรียนน้ำพองศึกษา อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 25 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2557 ที่เรียนรายวิชาฟิสิกส์ 1 ซึ่งได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) จำนวน 43 คน
เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ประกอบด้วย 1) ชุดกิจกรรม รายวิชาฟิสิกส์ 1 เรื่อง
การเคลื่อนที่ในแนวตรง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 8 ชุด 2) คู่มือการใช้ชุดกิจกรรม รายวิชาฟิสิกส์ 1 เรื่อง การเคลื่อนที่ในแนวตรง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชาฟิสิกส์ 1 เรื่อง การเคลื่อนที่ในแนวตรง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 แบบปรนัย ชนิด 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ 4) แบบวัดเจตคติทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่เรียนโดยใช้ชุดกิจกรรม เรื่อง การเคลื่อนที่ในแนวตรง มีลักษณะเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) ตามวิธีของลิเคอร์ท (Likert) ซึ่งมี 5 ระดับ จำนวน 60 ข้อ
ผู้ศึกษาดำเนินการสร้างและหาประสิทธิภาพชุดกิจกรรมตามขั้นตอนการหาประสิทธิภาพ
ของชุดกิจกรรมแบบหนึ่งต่อหนึ่ง แบบกลุ่มเล็ก และการทดลองภาคสนาม นำผลการวิเคราะห์ข้อมูลมาหาค่าประสิทธิภาพชุดกิจกรรมแบบหนึ่งต่อหนึ่ง เท่ากับ 73.33/72.50 แบบกลุ่มเล็ก เท่ากับ 74.66/76.67 และแบบภาคสนาม เท่ากับ 83.37/84.13 การสร้างและหาประสิทธิภาพแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชาฟิสิกส์ 1 เรื่อง การเคลื่อนที่ในแนวตรง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ได้ค่าความยากง่าย (p) อยู่ระหว่าง 0.40-0.65 ค่าอำนาจจำแนก (r) อยู่ระหว่าง 0.25-0.70 ค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ 0.87 เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยตนเองกับกลุ่มตัวอย่าง และดำเนินการสอนโดยใช้ชุดกิจกรรมตามแผนการจัดการเรียนรู้ ใช้เวลาเรียน 22 ชั่วโมง ทดลองใช้หาประสิทธิภาพของชุดกิจกรรม (E1/ E2) หาค่าดัชนีประสิทธิผล (E.I.) เปรียบเทียบคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน และศึกษาเจตคติทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่เรียนโดยใช้ชุดกิจกรรม ผลการศึกษา พบว่า
1. ชุดกิจกรรมรายวิชาฟิสิกส์ 1 เรื่อง การเคลื่อนที่ในแนวตรง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
มีประสิทธิภาพ (E1/ E2) เท่ากับ 84.44/84.88 และมีค่าดัชนีประสิทธิผล (E.I.) เท่ากับ 0.8238 ซึ่งเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชาฟิสิกส์ 1 เรื่อง การเคลื่อนที่ในแนวตรง
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่เรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมก่อนเรียนและหลังเรียนแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 มีคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน
3. เจตคติทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้ชุดกิจกรรม รายวิชาฟิสิกส์ 1 เรื่อง การเคลื่อนที่ในแนวตรง หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05