|
Advertisement
|
ชื่อวิจัย การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง การสร้างเสริม สุขภาพสมรรถภาพ และการป้องกันโรค กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5
ชื่อผู้วิจัย อะมีนา ดือเระซอ
ปีที่เผยแพร่ ปีการศึกษา 2558
บทคัดย่อ
การวิจัยเรื่องการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป เรื่องการสร้างเสริม สุขภาพ สมรรถภาพและการป้องกันโรค กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษา ปีที่ 5 มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อหาประสิทธิภาพของบทเรียนสำเร็จรูป เรื่องการสร้างเสริมสุขภาพ สมรรถภาพและการป้องกันโรค กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังการใช้บทเรียนสำเร็จรูป เรื่องการสร้างเสริม สุขภาพ สมรรถภาพและการป้องกันโรค กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษาของนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 5) เพื่อประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อบทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง การสร้าง เสริมสุขภาพ สมรรถภาพ และการป้องกันโรค กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้ คือ นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2558 โรงเรียนบ้านลดา อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี จำนวน 15 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้ คือ 1) บทเรียนสำเร็จรูป เรื่องการสร้างเสริมสุขภาพสมรรถภาพ และการป้องกันโรค กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5
2) แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง การสร้างเสริมสุขภาพ สมรรถภาพ และการป้องกันโรค กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 3) แบบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป เรื่องการสร้างเสริมสุขภาพ สมรรถภาพ และการป้องกันโรค 4) แบบความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อบทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง การสร้างเสริมสุขภาพ สมรรถภาพ และการป้องกันโรค ผลการวิจัย ผลการวิจัยพบว่า 1) ประสิทธิภาพของบทเรียนสำเร็จรูป เรื่องการสร้างเสริมสุขภาพ สมรรถภาพ และการป้องกันโรค ที่ส่งผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 มีประสิทธิภาพ E1 / E2 = 81.60/82.83 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 80 / 80 2) ผลการเรียนก่อน เรียนเปรียบเทียบกับผลการเรียนหลังเรียน ปรากฏว่าผลการเรียนหลังเรียนสูงกว่าผลการเรียนหลัง เรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติโดยมีค่า t เท่ากับ 20.97 และ 3) ผลการศึกษาความพึงพอใจของ นักเรียนต่อการจัดการเรียนการสอนโดยใช้ที่บทเรียนสำเร็จรูป ปรากฏว่ามีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.40 ซึ่งมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก
|
โพสต์โดย อะมีนา : [12 เม.ย. 2559 เวลา 14:07 น.] อ่าน [5721] ไอพี : 113.53.184.239
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก
|
Advertisement
|
|
|
|
|
|
โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2. ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป
3. สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น
7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป
** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**
|
|
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡ เปิดอ่าน 26,693 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 6,287 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 9,002 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 13,357 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 14,176 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 4,221 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 14,952 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 9,526 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 18,980 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 36,996 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 2,194 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 27,966 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 22,187 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 12,289 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 17,879 ครั้ง 
| |
|
เปิดอ่าน 16,686 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 15,902 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 14,326 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 26,053 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 36,271 ครั้ง 
|
|

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด
|