ชื่อเรื่อง รายงานการพัฒนาทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ โดยใช้แบบฝึกทักษะการเขียน
ภาษาอังกฤษ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
ผู้ศึกษา นางสาวภวรันชน์ พุทธา
ปีที่พิมพ์ 2559
บทคัดย่อ
รายงานการพัฒนาทักษะการเขียน โดยใช้แบบฝึกทักษะการเขียนภาษาอังกฤษของนักเรียน
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ 3 ประการ เพื่อ 1) สร้างและพัฒนาแบบฝึกทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเทศบาล 2 มุขมนตรี อำเภอบ้านเมือง จังหวัดอุดรธานี ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ด้านการเขียนภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ก่อนเรียนและหลังเรียน 3) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษา
ศึกษาปีที่ 3 ต่อแบบฝึกทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ศึกษา
ครั้งนี้ คือนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/4 โรงเรียนเทศบาล 2 มุขมนตรี อำเภอบ้านเมือง จังหวัดอุดรธานี ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2558 จำนวน 34 คน ได้มาโดยวิธีการเลือกสุ่มแบบเจาะจง (Purposive Sampling) แบบแผนของการศึกษาค้นคว้าเป็นการศึกษาค้นคว้าเชิงทดลองแบบกลุ่มเดียวทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน (One Group Pretest Posttest Design) เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 18 แผน 2) แบบฝึกทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 6 เรื่อง และ 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ด้านการเขียนภาษาอังกฤษและ แบบวัดความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ต่อแบบฝึกทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ ชั้นประถม ศึกษาปีที่ 3 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และเปรียบเทียบ ผลสัมฤทธิ์ด้านการเรียนภาษาอังกฤษด้วยการทดสอบ ที t-test (Dependent Samples)
ผลการศึกษาค้นคว้า พบว่า
1. ประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
ที่สร้างขึ้นมีประสิทธิภาพ 81.99/82.84 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่ตั้งไว้
2. นักเรียนที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีผลสัมฤทธิ์ด้านการเขียนภาษาอังกฤษ หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ .01
3. นักเรียนที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีความพึงพอใจต่อแบบฝึกทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 อยู่ในระดับ
มากที่สุด ( = 4.61)