ชื่อเรื่อง รายงานการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาอังกฤษ เรื่อง Tenses ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะ
ชื่อผู้ศึกษา นางมยุรฉัตร วงศ์นครธรรม
สถานศึกษา โรงเรียนโพนสูงพัฒนศึกษา อำเภอไชยวาน จังหวัดอุดรธานี
เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 20
ปีการศึกษา 2558
บทคัดย่อ
การศึกษาในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร เรื่อง Tenses ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 75/75 2) เพื่อหา ดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกเสริมทักษะภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร เรื่อง Tenses ชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 2 3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาอังกฤษ เรื่อง Tenses ของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2558 โรงเรียนโพนสูงพัฒนศึกษา อำเภอไชยวาน จังหวัดอุดรธานี จำนวน 2 ห้อง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/1 จำนวน 28 คน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/2 จำนวน 29 คน รวมทั้งสิ้น 57 คน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาในครั้งนี้เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/1 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2558 โรงเรียนโพนสูงพัฒนศึกษา อำเภอไชยวาน จังหวัดอุดรธานี จำนวน 28 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (purposive Sampling) เครื่องมือ ที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ แบบฝึกเสริมทักษะภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร เรื่อง Tenses ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 2 จำนวน 7 เล่ม แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 9 แผน และแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร เรื่อง Tenses ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เป็นแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ มีค่าความยากตั้งแต่ 0.64 - 0.79 มีค่าอำนาจจำแนกตั้งแต่ 0.23 - 0.53 และค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.77 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ทดสอบสมมติฐานโดยใช้การทดสอบที (t test) (Dependent Samples) และทดสอบความก้าวหน้าของผู้เรียนโดยการหาค่าดัชนีประสิทธิผล
ผลการศึกษาพบว่า
1. แบบฝึกเสริมทักษะภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร เรื่อง Tenses ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
ที่ผู้ศึกษาได้สร้างขึ้นมีประสิทธิภาพเท่ากับ 81.79 / 77.14 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 75 / 75 ที่ตั้งไว้
2. ผลการวิเคราะห์ค่าดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกเสริมทักษะภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร เรื่อง Tenses ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 พบว่า ดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกเสริมทักษะมีค่าเท่ากับ 0.6583 หรือร้อยละ 65.83 แสดงว่า นักเรียนมีคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จากการเรียนด้วยแบบฝึกเสริมทักษะภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร เรื่อง Tenses เพิ่มขึ้นร้อยละ 65.83 และมีค่าดัชนีประสิทธิผลมากกว่า 0.50 ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้
3. การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาอังกฤษ เรื่อง Tenses ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่ได้รับการเรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร เรื่อง Tenses หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 เป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้