รายงานการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ โดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ความน่าจะเป็น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 มีวัตถุประสงค์ของการศึกษาค้นคว้า ดังนี้คือ 1) เพื่อพัฒนาและหาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องความน่าจะเป็น กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อศึกษาค่าดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องความน่าจะเป็น กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องความน่าจะเป็น กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ของโรงเรียนกุสุมาลย์วิทยาคม 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องความน่าจะเป็น กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาในครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/2 จำนวน 41 คน ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2557 โรงเรียนกุสุมาลย์วิทยาคม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 23 ซึ่งได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) ที่คละระดับความสามารถคือ เก่ง ปานกลาง อ่อน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องความน่าจะเป็น จำนวน 12 ชุด แผนการจัดการเรียนรู้สาระคณิตศาสตร์ เรื่องความน่าจะเป็น จำนวน 14 แผน แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องความน่าจะเป็น เป็นแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 5 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ แบบทดสอบย่อยประจำแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เป็นข้อสอบปรนัยชนิดเลือกตอบ 5 ตัวเลือก จำนวน 12 ชุด ชุดละ 10 ข้อ แบบสอบถามความพึงพอใจที่มีต่อแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องความน่าจะเป็น สถิติที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า ได้แก่ ค่าเฉลี่ย( ) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน(S.D.) ค่าร้อยละ ค่าดัชนีประสิทธิผล และการทดสอบค่าที (t- test Dependent)
ผลการศึกษาค้นคว้าพบว่า
1. ประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องความน่าจะเป็น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 การศึกษากับกลุ่มตัวอย่างพบว่า มีประสิทธิภาพ 92.55/88.78 แสดงว่าแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องความน่าจะเป็น กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่สร้างและพัฒนาขึ้นมานั้นมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ คือ 80/80
2. แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องความน่าจะเป็น กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 มีค่าดัชนีประสิทธิผลเท่ากับ 0.862 แสดงว่านักเรียนมีความก้าวหน้าทางการเรียนสูงขึ้นร้อยละ 86.20
3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจากการใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องความน่าจะเป็น กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 พบว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
4. นักเรียนที่เรียนตามกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องความน่าจะเป็น กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โดยรวมของนักเรียนมีค่าเฉลี่ยความพึงพอใจต่อการจัดการกิจกรรมการเรียนรู้เท่ากับ 4.71 แสดงว่านักเรียนมีความพึงพอใจต่อกิจกรรมการเรียนรู้โดยรวม และรายข้ออยู่ในระดับมากที่สุด
จากผลการศึกษา แสดงให้เห็นว่าแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ทำให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนสูงขึ้น นักเรียนทุกคนได้มีโอกาสปฏิบัติตามกิจกรรมด้วยตนเอง โดยผ่านสื่อแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ สื่อแบบฝึกทักษะยังสอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียน นักเรียนมีส่วนร่วมในการปฏิบัติกิจกรรมได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ช่วยเหลือกันและกันในกลุ่ม ทำให้นักเรียนมีความกระตือรือร้น ในการทำแบบฝึกเสริมทักษะ ผลจากการเริ่มทำกิจกรรมที่ง่ายๆ ก่อนทำให้นักเรียนประสบผลสำเร็จ ในการทำงานก่อให้เกิดกำลังใจที่จะทำงานในชุดต่อๆ ไป และสิ่งสำคัญทำให้นักเรียนมีทัศนคติที่ดี ต่อการเรียนคณิตศาสตร์ สามารถนำความรู้ที่ได้ไปใช้ในการเรียนรู้ ดังนั้น แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ ที่สร้างขึ้นทั้ง 12 ชุด จึงเป็นสื่อที่มีประสิทธิภาพผ่านเกณฑ์ที่กำหนด เหมาะสมที่จะนำไปใช้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เรื่องความน่าจะเป็น