ชื่องานวิจัย การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดสมองเป็นฐานในศตวรรษที่21 เรื่อง ปิโตรเคมีและพอลิเมอร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
ชื่อผู้วิจัย สุดารัตน์ คำอั้น
โรงเรียน โรงเรียนชัยมงคลพิทยา
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 38
กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมาย คือ (1) เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดสมองเป็นฐานในศตวรรษที่ 21 เรื่อง ปิโตรเคมีและพอลิเมอร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ตามเกณฑ์ 75/75 (2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดสมองเป็นฐานในศตวรรษที่ 21 เรื่อง ปิโตรเคมีและพอลิเมอร์ ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน (3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดสมองเป็นฐานในศตวรรษที่ 21 เรื่อง ปิโตรเคมีและพอลิเมอร์ ระเบียบวิธีวิจัยใช้วิจัยและพัฒนามี 3 ขั้นตอน ดังนี้ ขั้นตอนที่ 1 การสร้างและหาประสิทธิภาพของกิจกรรมการเรียนรู้ พิจารณาความเหมาะสม โดยผู้เชี่ยวชาญ 5 คน และทดลองใช้กับนักเรียน 1 กลุ่มทำกิจกรรม จำนวน 6 คน เพื่อพิจารณาเกี่ยวกับเนื้อหา ภาษา เวลา และสื่อการเรียน แล้วปรับปรุงแก้ไข นำไปทดลองใช้กับนักเรียน 3 กลุ่มทำกิจกรรม จำนวน 15 คน เพื่อหาประสิทธิภาพกลุ่มเล็ก ปรับปรุงแก้ไข แล้วนำมาทดลองใช้กับนักเรียน 1 ห้องเรียน จำนวน 30 คน เพื่อหาประสิทธิภาพกลุ่มภาคสนาม ตามเกณฑ์ 75/75 ขั้นตอนที่ 2 เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ระว่างก่อนและหลังใช้กิจกรรมการเรียนรู้ โดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้กับกลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนชัยมงคลพิทยา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 38 ปีการศึกษา 2558 จำนวน 24 คน ซึ่งได้มาจากการเลือกแบบเจาะจง(Purposive Sampling) แบบแผนการวิจัย คือ One Group Pretest - Posttest Design ขั้นตอนที่ 3 การศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนต่อกิจกรรมการเรียนรู้ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย (1) กิจกรรมการเรียนรู้ ตามแนวคิดสมองเป็นฐานในศตวรรษที่ 21 เรื่อง ปิโตรเคมีและพอลิเมอร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 และคู่มือการเรียนรู้ เรื่อง ปิโตรเคมีและพอลิเมอร์ ตามแนวคิดสมองเป็นฐานในศตวรรษที่ 21สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 (2)แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน (3) แบบสอบถามความพึงพอใจ การวิเคราะห์ข้อมูลโดยหาประสิทธิภาพ จากสูตร E1/E2 สถิติที่ใช้ค่าเฉลี่ย ( X ̅ ) ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน(S.D.) และค่าที แบบไม่เป็นอิสระต่อกัน ( t-test Dependent)
ผลการวิจัย พบว่า
1. กิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดสมองเป็นฐานในศตวรรษที่ 21 เรื่อง ปิโตรเคมีและ
พอลิเมอร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ประกอบไปด้วย 6 ขั้นตอน (สุดารัตน์ คำอั้น, 2556, หน้า 91-99) และ แบ่งกิจกรรมกรรมการเรียนรู้ ออกเป็น 11 แผนการจัดการเรียนรู้ ได้แก่ 1) กำเนิดปิโตรเลียม 2) การกลั่นลำดับส่วนน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์ 3) แก๊สธรรมชาติและผลิตภัณฑ์ 4) เชื้อเพลิงในชีวิตประจำวัน 5) ความหมายของพอลิเมอร์ 6) โครงของสร้างพอลิเมอร์ 7) การเปลี่ยนโครงสร้างพอลิเมอร์ 8) ผลิตภัณฑ์พลาสติก 9) ยางธรรมชาติและยางสังเคราะห์ 10) เส้นใยและ 11) การใช้ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีและพอลิเมอร์ต่อสิ่งมีชีวิตกับสิ่งแวดล้อม พบว่า มีความเหมาะสมของกิจกรรมการเรียนรู้ อยู่ในระดับมากที่สุด (X ̅= 4.98) และมีประสิทธิภาพ 77.57/75.22
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดสมองเป็นฐานในศตวรรษที่ 21 เรื่อง ปิโตรเคมีและพอลิเมอร์ หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3. นักเรียนที่เรียนด้วยกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดสมองเป็นฐานในศตวรรษที่ 21 เรื่อง
ปิโตรเคมีและพอลิเมอร์ มีความพึงพอใจใน ระดับมากที่สุด( X ̅ = 4.90)