ชื่อเรื่อง การพัฒนาแบบฝึกทักษะการเขียนโปรแกรมภาษาซีเบื้องต้น
สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนสตรีระนอง
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 14
ชื่อผู้ทำวิจัย นายสิทธิพงษ์ ไกรลาศ
ปีที่ศึกษา 2558
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาแบบฝึกทักษะการเขียนโปรแกรมภาษาซีเบื้องต้น สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนสตรีระนอง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 14 พร้อมทั้งตรวจสอบแบบฝึกทักษะการเขียนโปรแกรมภาษาซีเบื้องต้นด้วยการหาประสิทธิภาพและประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะการเขียนโปรแกรมภาษาซีเบื้องต้น รวมถึงการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ก่อนเรียนและหลังเรียน โดยใช้แบบฝึกทักษะการเขียนโปรแกรมภาษาซีเบื้องต้น ตลอดจนศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะการเขียนโปรแกรมภาษาซีเบื้องต้น สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนสตรีระนอง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 14 ใช้แบบวิจัยแบบกลุ่มเดียว กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนสตรีระนอง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 14 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2558 จำนวน 27 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบจำเพาะเจาะจง เครื่องมือที่ใช้เก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ 1) แบบประเมินความเหมาะสมของแบบฝึกทักษะการเขียนโปรแกรมภาษาซีเบื้องต้น ชนิดมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ จำนวน 10 ข้อ 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เป็นแบบทดสอบชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ 3) แบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแบบฝึกทักษะ จำนวน 10 ข้อ เก็บรวบรวมข้อมูล โดยผู้วิจัยเองด้วยการให้ผู้เชี่ยวชาญประเมินความเหมาะสมของแบบฝึกทักษะ นักเรียนทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ก่อนและหลังเรียน แบบประเมินความพึงพอใจที่มีต่อแบบฝึกทักษะ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ประกอบด้วยสถิติพื้นฐาน ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติทดสอบสมมติฐาน ใช้การทดสอบทีแบบไม่อิสระ สถิติที่ใช้หาคุณภาพเครื่องมือ ได้แก่ การหาค่าความตรงตามสูตร IOC และการหาค่าความเที่ยง โดยใช้สูตร KR-20 สูตรอัลฟา หาค่าความยากง่าย และอำนาจจำแนกของแบบทดสอบ หาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะด้วยสูตร E1 / E2 ผลการวิจัยสรุปได้ ดังนี้
ผลการวิจัย
ผลการพัฒนาแบบฝึกทักษะการเขียนโปรแกรมภาษาซีเบื้องต้น สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนสตรีระนอง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 14 จำนวน 6 เล่ม ได้แก่ 1) ภาษาคอมพิวเตอร์และการเขียนโปรแกรม 2) การเขียนคำสั่งเทียม (Pseudo Code) และผังงาน (Flowchart) 3) การเขียนโปรแกรมภาษาซีเบื้องต้น 4) ข้อมูลและตัวดำเนินการ 5) การเขียนโปรแกรมแบบมีเงื่อนไข 6) การเขียนโปรแกรมแบบทำซ้ำ ผู้เชี่ยวชาญเห็นว่ามีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.65 และมีข้อค้นพบเสนอตามวัตถุประสงค์การวิจัย ดังนี้
1. ผลการตรวจสอบแบบฝึกทักษะการเขียนโปรแกรมภาษาซีเบื้องต้น สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนสตรีระนอง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 14 พบว่า
1.1 ประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะการเขียนโปรแกรมภาษาซีเบื้องต้น สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนสตรีระนอง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 14 ได้เท่ากับ 84.75/92.69
1.2 ประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะการเขียนโปรแกรมภาษาซีเบื้องต้น สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนสตรีระนอง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 14 มีค่าเท่ากับ 0.85 หรือร้อยละ 85
1.3 หลังจากเรียนด้วยแบบฝึกทักษะการเขียนโปรแกรมภาษาซีเบื้องต้น สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนสตรีระนอง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 14 นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
1.4 นักเรียนมีความพึงพอใจต่อแบบฝึกทักษะการเขียนโปรแกรมภาษาซีเบื้องต้น สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนสตรีระนอง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 14 อยู่ในระดับมากที่สุด
ข้อเสนอแนะ
ข้อเสนอแนะในการนำไปใช้
1. จากผลการวิจัยที่พบว่า แบบฝึกทักษะการเขียนโปรแกรมภาษาซีเบื้องต้น สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนสตรีระนอง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 14 ทำให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น ครูและผู้ที่เกี่ยวข้องจึงควรนำแบบฝึกทักษะการเขียนโปรแกรมภาษาซีเบื้องต้น สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนสตรีระนอง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 14 ไปประยุกต์ใช้กับนักเรียน ระดับชั้นอื่น ๆ ตามความเหมาะสม โดยผู้สอนควรอธิบายวิธีการใช้ แนะนำเกี่ยวกับการอ่านคำชี้แจงให้เข้าใจ ศึกษาขั้นตอนในการทำแบบฝึกทักษะและการปฏิบัติกิจกรรมให้ถูกต้อง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในขณะที่ปฏิบัติกิจกรรม สำหรับนักเรียนที่ต้องให้ความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ครูควรให้คำแนะนำช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด
2. จากผลการวิจัยที่พบว่า นักเรียนมีความพึงพอใจต่อ แบบฝึกทักษะการเขียนโปรแกรมภาษาซีเบื้องต้น สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนสตรีระนอง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 14 อยู่ในระดับมากที่สุด เพราะมีการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลาย ทำให้นักเรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมการพัฒนาการเขียนโปรแกรมภาษาซีเบื้องต้นด้วยตนเอง เกิดความสนุกกับกิจกรรมการเรียนรู้ ไม่เกิดความเบื่อหน่ายเหมือนกระบวนการสอนแบบเดิม ครูจึงควรกระตุ้นให้นักเรียนเกิดความสนใจและเกิดแรงจูงใจที่จะเรียน ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการเรียนรู้เพิ่มขึ้นอย่างน่าพอใจ
ข้อเสนอแนะในการวิจัยต่อไป
1. ควรนำแบบฝึกทักษะการเขียนโปรแกรมภาษาซีเบื้องต้น สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนสตรีระนอง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 14 ไปวิจัยกับกลุ่มตัวอย่างที่มีสถานภาพต่างกัน เช่น ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ซึ่งจะได้ทราบว่าแบบฝึกทักษะการเขียนโปรแกรมภาษาซีเบื้องต้น สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนสตรีระนอง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 14 มีผลต่อสถานภาพดังกล่าวหรือไม่เพียงใด เพื่อจะได้พัฒนาแบบฝึกทักษะการเขียนโปรแกรมภาษาซีเบื้องต้น ให้เหมาะสมกับกลุ่มต่าง ๆ ได้
2. ควรนำแบบฝึกทักษะการเขียนโปรแกรมภาษาซีเบื้องต้น สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนสตรีระนอง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 14 ไปประกอบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยเทคนิควิธีการและรูปแบบอื่น ๆ เช่น STAD 4MAT CIPPA เพื่อจะได้ทราบว่ารูปแบบใดเหมาะกับนักเรียน หรือมีประสิทธิผลเพียงใด เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนานักเรียนได้ตรงตามศักยภาพ