ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
Advertisement

การพัฒนารูปแบบการสอน เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดแก้ปัญหาอย่างมีวิจารณญาณ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิท

ชื่อผลงาน การพัฒนารูปแบบการสอน เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดแก้ปัญหาอย่างมีวิจารณญาณ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เรื่อง พลังงานแสง ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4

ผู้วิจัย วัฒจรีย์ ตันติวิวัฒน์

ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ

ปีการศึกษา 2557

บทคัดย่อ

การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ด้วยกระบวนการเรียนรู้ 5 STEPS เพื่อพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ และทักษะการแก้ปัญหา ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ใช้กระบวนการวิจัยและพัฒนา (Research & Development) โดยมีวัตถุประสงค์ของการวิจัย 1) เพื่อศึกษาข้อมูลความจำเป็นในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 2) เพื่อพัฒนาและหาประสิทธิภาพของรูปแบบการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ด้วยกระบวนการเรียนรู้ 5 STEPS กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่ทำขึ้น ตามเกณฑ์ 80/80 3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หน่วยการเรียนรู้เรื่องพืช กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ก่อนและหลังเรียนโดยใช้รูปแบบการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ด้วยกระบวนการเรียนรู้ 5 STEPS 4) เปรียบเทียบความสามารถในการใช้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ก่อนและหลังเรียนโดยใช้รูปแบบการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ด้วยกระบวนการเรียนรู้ 5 STEPS และ5) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ด้วยกระบวนการเรียนรู้ 5 STEPS เรื่องพืช กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ขั้นตอนการวิจัยและพัฒนา ผู้วิจัยได้ทำการวิจัยทดลอง 4 ครั้ง โดยครั้งที่ 1 – 3 เป็นขั้นตอนการทดลองใช้และหาประสิทธิภาพรูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ด้วยกระบวนการเรียนรู้ 5 STEPS กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งที่ 1 – 3 คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเทศบาลวัดมเหยงคณ์ ในปีการศึกษา 2557 และกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการทดลองครั้งที่ 4 คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4/2 ประจำปีการศึกษา 2557 จำนวน 44 คน โดยขั้นนี้เป็นการนำรูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ด้วยกระบวนการเรียนรู้ 5 STEPS ที่ได้รับการพัฒนาจนมีประสิทธิภาพแล้วไปใช้จริงกับนักเรียนชั้นประถมศึกษา ปีที่ 4 โรงเรียนเทศบาลวัดมเหยงคณ์ เพื่อนำผลการทดลองมาเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และความสามารถในการใช้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ของนักเรียนก่อนเรียนและหลังการเรียน ของนักเรียน หลังการเรียนโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ด้วยกระบวนการเรียนรู้ 5 STEPS และศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ด้วยกระบวนการเรียนรู้ 5 STEPS ซึ่งใช้ระยะเวลาทดลองสอนโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ด้วยกระบวนการเรียนรู้ 5 STEPS รวม 20 ชั่วโมง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ รูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ด้วยกระบวนการเรียนรู้ 5 STEPS เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบบทดสอบวัดความสามารถในการคิดวิเคราะห์ แบบทดสอบวัดทักษะการแก้ปัญหา และแบบสอบถามความ พึงพอใจของนักเรียน การวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าทีแบบ ไม่อิสระจากกัน (t – test Dependent) ค่าเฉลี่ย ( )และค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน(Standard Deviation) ผลการวิจัยพบว่า

1. รูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ด้วยกระบวนการเรียนรู้ 5 STEPS มีประสิทธิภาพ 87.36/86.93 สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด (80/80) ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานการวิจัยข้อที่ 1 และมีค่าดัชนีประสิทธิผล เท่ากับ 0.8148แสดงว่าผู้เรียนมีความรู้เพิ่มขึ้น 0.8148 หรือคิดเป็นร้อยละ 81.48

2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง พืช กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ก่อนและหลังเรียนโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ด้วยกระบวนการเรียนรู้ 5 STEPS จากการทดลองครั้งที่ 1 – 4 แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 โดยพบว่า นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่เรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ด้วยกระบวนการเรียนรู้ 5 STEPS มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน สูงกว่าก่อนเรียน เป็นไปตามสมมติฐานข้อที่ 2

3. ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ด้วยกระบวนการเรียนรู้ 5 STEPS แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 พบว่า นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่เรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ด้วยกระบวนการเรียนรู้ 5 STEPS มีความสามารถในทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานข้อที่ 3

4. ทักษะการแก้ปัญหาของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 หลังจากการเรียนโดยรูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ด้วยกระบวนการเรียนรู้ 5 STEPS โดยรวม ความสามารถอยู่ในระดับพอใช้ และเมื่อพิจารณาเป็น รายด้านพบว่านักเรียนมีความสามารถในการระบุปัญหาอยู่ในระดับดี ส่วนความสามารถในการอธิบายสาเหตุของปัญหา การระบุวิธีการแก้ปัญหา และการระบุผลที่ได้จากการแก้ปัญหาอยู่ในระดับพอใช้

5. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ด้วยกระบวนการเรียนรู้ 5 STEPS โดยรวม อยู่ระดับมาก ข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงที่สุด คือ สามารถนำความรู้ที่ได้รับจากการเรียนไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน รองลงมา คือ รูปแบบการสอนมีความเหมาะสมในการนำมาใช้พัฒนาความสามารถในทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และ ส่งเสริมให้นักเรียนได้เรียนรู้เนื้อหาที่ตนเองสนใจอย่างลุ่มลึกโดยการปฏิบัติจริง ตามลำดับ

โพสต์โดย ญาสุมินท์ สิริทัตนนท์ : [13 มี.ค. 2559 เวลา 23:29 น.]
อ่าน [67734] ไอพี : 223.204.224.191
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
Advertisement

 
 

โพสต์โดย

คุณ -

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 13,785 ครั้ง
12 เดือน 7 ดาว 9 ตะวัน
12 เดือน 7 ดาว 9 ตะวัน

เปิดอ่าน 35,330 ครั้ง
แนะ "เคล็ดลับ 3 อ." เพื่อสุขภาพดียามสูงวัย
แนะ "เคล็ดลับ 3 อ." เพื่อสุขภาพดียามสูงวัย

เปิดอ่าน 16,687 ครั้ง
อยากรวย! ต้องขยันอ่านหนังสือ เคล็ดลับความรวยที่ไม่ค่อยมีใครบอก!!
อยากรวย! ต้องขยันอ่านหนังสือ เคล็ดลับความรวยที่ไม่ค่อยมีใครบอก!!

เปิดอ่าน 14,673 ครั้ง
10 วิธีปลูกผักสวนครัวในกระถาง
10 วิธีปลูกผักสวนครัวในกระถาง

เปิดอ่าน 13,226 ครั้ง
กระทรวงวัฒนธรรม เปิดดาวน์โหลดภาพหาชมยากของในหลวง กว่า 30,000 ภาพ
กระทรวงวัฒนธรรม เปิดดาวน์โหลดภาพหาชมยากของในหลวง กว่า 30,000 ภาพ

เปิดอ่าน 28,836 ครั้ง
 กฎ ก.ค.ศ. ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา รับเงินเดือนในอัตรากำลังทดแทน พ.ศ.2551
กฎ ก.ค.ศ. ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา รับเงินเดือนในอัตรากำลังทดแทน พ.ศ.2551

เปิดอ่าน 26,023 ครั้ง
AutoPlay Media Studio
AutoPlay Media Studio

เปิดอ่าน 17,416 ครั้ง
เครื่องออกกำลังที่มีสายเขย่าเอว ช่วยลดพุงได้จริงหรือ?
เครื่องออกกำลังที่มีสายเขย่าเอว ช่วยลดพุงได้จริงหรือ?

เปิดอ่าน 10,569 ครั้ง
H1N1...ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด
H1N1...ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด

เปิดอ่าน 21,781 ครั้ง
เกณฑ์สอบผู้บริหารสถานศึกษา ปี 2555 (ว22-ว23)
เกณฑ์สอบผู้บริหารสถานศึกษา ปี 2555 (ว22-ว23)

เปิดอ่าน 72,965 ครั้ง
3ป. ที่ทำให้ลูก"เสียคน"
3ป. ที่ทำให้ลูก"เสียคน"

เปิดอ่าน 15,755 ครั้ง
แตงโมเจลลี่ หวานฉ่ำสีสันสดใส ทำง่ายนิดเดียว
แตงโมเจลลี่ หวานฉ่ำสีสันสดใส ทำง่ายนิดเดียว

เปิดอ่าน 22,560 ครั้ง
หลากวิตามินพิชิตเบาหวาน หยุดน้ำตาลพุ่งสูง ก่อนสายเกินแก้
หลากวิตามินพิชิตเบาหวาน หยุดน้ำตาลพุ่งสูง ก่อนสายเกินแก้

เปิดอ่าน 9,817 ครั้ง
ปฏิรูปการศึกษาไทย ไปทางไหน ?
ปฏิรูปการศึกษาไทย ไปทางไหน ?

เปิดอ่าน 20,889 ครั้ง
15 เรื่องน่ารู้ เกี่ยวกับ ปาก และ ฟัน
15 เรื่องน่ารู้ เกี่ยวกับ ปาก และ ฟัน

เปิดอ่าน 39,817 ครั้ง
ระบบการเรียนการสอนของบริกส์ (Briggs Model)
ระบบการเรียนการสอนของบริกส์ (Briggs Model)
เปิดอ่าน 14,248 ครั้ง
เทคนิคการประชุมอย่างมีประสิทธิภาพ
เทคนิคการประชุมอย่างมีประสิทธิภาพ
เปิดอ่าน 10,212 ครั้ง
กรมทางหลวงแนะ 13 เส้นทางเลี่ยงขึ้นเหนือ-ล่องใต้ ช่วงสงกรานต์
กรมทางหลวงแนะ 13 เส้นทางเลี่ยงขึ้นเหนือ-ล่องใต้ ช่วงสงกรานต์
เปิดอ่าน 24,151 ครั้ง
เคล็ดลับดีๆ เพื่อช่วยกำจัดความ "เขิน"
เคล็ดลับดีๆ เพื่อช่วยกำจัดความ "เขิน"
เปิดอ่าน 57,372 ครั้ง
ฟุตซอล(Futsal): กติกาข้อ 2 ลูกบอล (The Ball)
ฟุตซอล(Futsal): กติกาข้อ 2 ลูกบอล (The Ball)

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
ติวสอบ GED
ติวสอบ SAT
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ