การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อ 1) พัฒนาบทเรียนบทเรียนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เรื่อง การรักษาดุลยภาพในร่างกาย ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) หาค่าดัชนีประสิทธิผลของบทเรียนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เรื่อง การรักษาดุลยภาพในร่างกาย 3) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ก่อนและหลังการเรียนด้วยบทเรียนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และ 4) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ต่อการเรียนด้วยบทเรียนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เรื่อง การรักษาดุลยภาพในร่างกาย โดยกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ใน
การวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/9 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2558 โรงเรียนเมืองพลพิทยาคม อำเภอพล จังหวัดขอนแก่น สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น จำนวน
46 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) บทเรียนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เรื่อง การรักษาดุลยภาพในร่างกาย
2) แผนการจัดการเรียนรู้ที่จัดกระบวนการเรียนรู้ด้วยบทเรียนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เรื่อง การรักษาดุลยภาพในร่างกาย 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และ 4) แบบสอบถามความพึงพอใจที่มีต่อการเรียนรู้โดยใช้บทเรียนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เรื่อง การรักษาดุลยภาพในร่างกาย เวลาที่ใช้ในการทดลอง จำนวน 17 ชั่วโมง สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย
ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที (t-test dependent samples)
ผลการวิจัยพบว่า
1. ประสิทธิภาพบทเรียนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เรื่อง การรักษาดุลยภาพในร่างกาย
ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 82.15/82.08 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ คือ 80/80
2. ค่าดัชนีประสิทธิผลของบทเรียนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เรื่อง การรักษาดุลยภาพในร่างกาย ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 มีค่าเท่ากับ 0.6614 แสดงว่าผู้เรียนมีความก้าวหน้าทางการเรียนเพิ่มขึ้นร้อยละ 66.14
3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยบทเรียนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เรื่อง การรักษาดุลยภาพในร่างกาย พบว่าภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า
มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากทุกด้าน โดยด้านที่มีความพึงพอใจมากที่สุด คือ ด้านการออกแบบ
การสอน รองลงมา คือ ด้านการเก็บบันทึกข้อมูลและการจัดการ ด้านคำแนะนำในการใช้บทเรียนและด้านเนื้อหาบทเรียน และเมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า มีความพึงพอใจในระดับมากที่สุด 3 ข้อ คือบทเรียนช่วยแก้ปัญหาการเรียนไม่ทันเพื่อนได้มากที่สุด รองลงมา คือ ช่วยให้นักเรียนมีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น อัตราเร็วในการนำเสนอเนื้อหามีความเร็วสมํ่าเสมอ และแบบของตัวอักษรที่ใช้ในบทเรียนมีความเหมาะสมตามลำดับ และอีก 17 ข้อ มีความพึงพอใจในระดับมาก