ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
Advertisement

การพัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์

ผู้รายงาน นางสาวจิตติมา ปัญญโชติกุล

หน่วยงาน โรงเรียนเทศบาล 6 (วัดตันตยาภิรม) เทศบาลนครตรัง จังหวัดตรัง

กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย

ปีการศึกษา 2557

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ของการวิจัยเพื่อพัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องการแก้โจทย์ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 เพื่อวิเคราะห์หาค่าดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกเสริมทักษะทางคณิตศาสตร์ เรื่องการแก้โจทย์ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 เพื่อ 1) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1/1 ก่อนและหลังการใช้แบบฝึกเสริมทักษะทางคณิตศาสตร์ เรื่องการแก้โจทย์ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 2) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1/1 ที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะทางคณิตศาสตร์ เรื่องการแก้โจทย์ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1/1 ที่กำลังเรียนในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2557 โรงเรียนเทศบาล 6 (วัดตันตยาภิรม) เทศบาลนครตรัง จังหวัดตรัง กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย จำนวน 30 คน ที่ได้จากการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ผู้รายงานใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่องการแก้โจทย์ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 12 แผน แบบฝึกเสริมทักษะทางคณิตศาสตร์ เรื่องการแก้โจทย์ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 5 ชุด แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรื่องการแก้โจทย์ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 เป็นแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 3 ตัวเลือก จำนวน 20 ข้อ ซึ่งมีค่าความยากง่าย (P) ตั้งแต่ .48 ถึง .73 และ ค่าอำนาจจำแนก (B) ตั้งแต่ .43 ถึง .91 มีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับ 0.86 และแบบสอบถามความพึงพอใจที่มีต่อการเรียนคณิตศาสตร์ หลังจากเรียนด้วยแบบฝึกเสริมทักษะทางคณิตศาสตร์ เรื่องการแก้โจทย์ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 แบ่งระดับความพึงพอใจเป็น 5 ระดับ คือ มากที่สุด มาก ปานกลาง น้อย น้อยที่สุด จำนวน 1 ชุด ประกอบด้วยข้อคำถาม 15 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (x̄) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) และทดสอบสมมติฐานโดยใช้การทดสอบที (t-test) กำหนดค่าสถิติที่ระดับนัยสำคัญ .01

ผลการวิจัยพบว่า

1. ผลจากการทำคะแนนจากการทำแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องการแก้โจทย์ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 5 ชุด มีค่าเฉลี่ย 170.07 คะแนน จากคะแนนเต็ม 195 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 87.21 และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนจากการทดสอบหลังเรียนด้วยแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ มีค่าเฉลี่ย 17.07 คะแนน จากคะแนนเต็ม 20 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 87.67 ดังนั้น แบบฝึกเสริมทักษะทางคณิตศาสตร์ เรื่องการแก้โจทย์ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 มีประสิทธิภาพ 87.21/87.67

2. ดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกเสริมทักษะทางคณิตศาสตร์ เรื่องการแก้โจทย์ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 เท่ากับ 0.7879 แสดงว่า หลังการทดลองด้วยแบบฝึกเสริมทักษะทางคณิตศาสตร์ เรื่องการแก้โจทย์ปัญหา ที่ผู้รายงานสร้างและพัฒนาขึ้นนักเรียนมีความรู้และทักษะทางด้านคณิตศาสตร์ เรื่องการแก้โจทย์ปัญหา เพิ่มมากขึ้นร้อยละ 78.79

3. การเปรียบเทียบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนของกลุ่มตัวอย่างทั้ง 30 คน จากคะแนนเต็ม 20 คะแนน ได้คะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนเท่ากับ 8.37 คิดเป็นร้อยละ 41.83 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 1.16 และจากการทดสอบหลังจบการเรียนจากแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ทั้ง 5 ชุด มีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 17.53 คะแนน จากคะแนนเต็ม 20 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 85.33 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 1.53 ซึ่งแสดงว่า

มีค่าเฉลี่ยของคะแนนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01

4. ผลการวัดความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1/1 ที่มีต่อแบบฝึกเสริมทักษะ เรื่องการแก้โจทย์ปัญหา กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ มีระดับค่าเฉลี่ย 4.69 อยู่ในระดับมีความพึงพอใจมากที่สุด

โพสต์โดย ครูหญิง : [28 ก.พ. 2559 เวลา 14:30 น.]
อ่าน [92650] ไอพี : 118.173.117.228
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
Advertisement

 
 

โพสต์โดย

คุณ -

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 9,352 ครั้ง
ออกัสตา แอดา ไบรอน (Augusta Ada Byron) นักคณิตศาสตร์หญิงของโลก
ออกัสตา แอดา ไบรอน (Augusta Ada Byron) นักคณิตศาสตร์หญิงของโลก

เปิดอ่าน 24,094 ครั้ง
เลี้ยงปลามงคลเสริมโชคลาภ
เลี้ยงปลามงคลเสริมโชคลาภ

เปิดอ่าน 22,138 ครั้ง
10 วิธีเจ๋งๆ ในการฝึกภาษาอังกฤษ ให้เก่งได้ด้วยตัวเอง !!
10 วิธีเจ๋งๆ ในการฝึกภาษาอังกฤษ ให้เก่งได้ด้วยตัวเอง !!

เปิดอ่าน 26,919 ครั้ง
มาตรฐานของ e-learning
มาตรฐานของ e-learning

เปิดอ่าน 990 ครั้ง
เช็กก่อนกู้ ! วิธีเลือกแหล่งเงินกู้ที่ปลอดภัย ไม่โดนโกง
เช็กก่อนกู้ ! วิธีเลือกแหล่งเงินกู้ที่ปลอดภัย ไม่โดนโกง

เปิดอ่าน 18,266 ครั้ง
หลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลของบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามาตรา 36 ค.(2)
หลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลของบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามาตรา 36 ค.(2)

เปิดอ่าน 32,771 ครั้ง
สำนวนภาษาอังกฤษ
สำนวนภาษาอังกฤษ

เปิดอ่าน 11,469 ครั้ง
ซุปเปอร์บอร์ดจะเป็นอัศวินม้าขาว ทางการศึกษาไทยได้หรือ
ซุปเปอร์บอร์ดจะเป็นอัศวินม้าขาว ทางการศึกษาไทยได้หรือ

เปิดอ่าน 3,499 ครั้ง
เปิด 4 เคล็ด (ไม่) ลับ บริหารคนยุค New Normal ความท้าทายของ HR ทุกองค์กร
เปิด 4 เคล็ด (ไม่) ลับ บริหารคนยุค New Normal ความท้าทายของ HR ทุกองค์กร

เปิดอ่าน 61,765 ครั้ง
พืชที่ใช้เป็นอาหาร
พืชที่ใช้เป็นอาหาร

เปิดอ่าน 47,059 ครั้ง
พรหมวิหาร 4
พรหมวิหาร 4

เปิดอ่าน 20,355 ครั้ง
จุฬาฯวิจัยสารสกัดดอกสะเดา มีฤทธิ์ป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่
จุฬาฯวิจัยสารสกัดดอกสะเดา มีฤทธิ์ป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่

เปิดอ่าน 37,298 ครั้ง
การทักทาย วิธีเรียงประโยค(ภาษาจีน)
การทักทาย วิธีเรียงประโยค(ภาษาจีน)

เปิดอ่าน 20,336 ครั้ง
ประโยชน์และสรรพคุณทางยาของกระเทียม
ประโยชน์และสรรพคุณทางยาของกระเทียม

เปิดอ่าน 14,261 ครั้ง
เชิญชวนสังเกตุปรากฏการณ์ธรรมชาติ สุริยุปราคา 26 มกราคม 2552
เชิญชวนสังเกตุปรากฏการณ์ธรรมชาติ สุริยุปราคา 26 มกราคม 2552

เปิดอ่าน 17,373 ครั้ง
อาจารย์เฉลิมชัย "ระบบการศึกษาประเทศไทย"
อาจารย์เฉลิมชัย "ระบบการศึกษาประเทศไทย"
เปิดอ่าน 15,840 ครั้ง
"นอนน้อย" ทำสมองฝ่อ จริงหรือ?!
"นอนน้อย" ทำสมองฝ่อ จริงหรือ?!
เปิดอ่าน 24,926 ครั้ง
เกมส์เรียงผลไม้
เกมส์เรียงผลไม้
เปิดอ่าน 9,987 ครั้ง
ศธ.ให้ความสำคัญครูคนแรกดึงพ่อแม่เป็นส่วนหนึ่งวันครู
ศธ.ให้ความสำคัญครูคนแรกดึงพ่อแม่เป็นส่วนหนึ่งวันครู
เปิดอ่าน 26,279 ครั้ง
แก๊สน้ำตา คืออะไร
แก๊สน้ำตา คืออะไร

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
ติวสอบ GED
ติวสอบ SAT
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ