ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
Advertisement

การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน (Brain-Based Learning: BBL) พัฒนาการอ่านเพื่อความเ

ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน (Brain-Based Learning:

BBL) พัฒนาการอ่านเพื่อความเข้าใจ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับ

นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3

ชื่อผู้วิจัย นางจารีย์ ขุนชำนาญ ตำแหน่งครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ

โรงเรียนเทศบาล ๑บ้านจะบังติกอ สังกัดกองการศึกษา เทศบาลเมืองปัตตานี

จังหวัดปัตตานี

ปีที่วิจัย 2557

บทคัดย่อ

การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน(Brain-Based Learning: BBL)

พัฒนาการอ่านเพื่อความเข้าใจ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ผู้วิจัยใช้วิธีดำเนินการวิจัยในลักษณะของการวิจัยและพัฒนา (Research and Development : R&D) มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดการใช้สมองเป็นฐาน(bbl) เพื่อพัฒนาการอ่านคิดวิเคราะห์กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1) เพื่อสร้างรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดการใช้สมองเป็นฐาน(Brain-Based Learning: BBL) พัฒนาการอ่านเพื่อความเข้าใจกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 2) เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดการใช้สมองเป็นฐาน(Brain-Based Learning: BBL) พัฒนาการอ่านเพื่อความเข้าใจกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดการใช้สมองเป็นฐาน(Brain-Based Learning: BBL) พัฒนาการอ่านเพื่อความเข้าใจกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 4) เพื่อประเมินผลและปรับปรุงรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดการใช้สมองเป็นฐาน(Brain-Based Learning: BBL) พัฒนาการอ่านเพื่อความเข้าใจกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ประชากรที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเทศบาล ๑บ้านจะบังติกอ สังกัดกองการศึกษา เทศบาลเมืองปัตตานี จังหวัดปัตตานี ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2557 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเทศบาล ๑บ้านจะบังติกอ สังกัดกองการศึกษา เทศบาลเมืองปัตตานี จังหวัดปัตตานี ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2557 ที่ได้จากการสุ่มแบบแบ่งกลุ่มจากประชากร เป็นกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 31 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) เครื่องมือสำรวจข้อมูลพื้นฐาน ได้แก่ แบบสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 5 คน ผู้อำนวยการโรงเรียนเทศบาล ๑บ้านจะบังติกอ จำนวน 1 คน รองผู้อำนวยการ 1 คน หัวหน้าฝ่ายวิชาการ จำนวน 1 คน ครูผู้สอนภาษาไทยระดับประถมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 2 คน รวม 10 คน 2) เครื่องมือที่ใช้ในการทดลองใช้รูปแบบการเรียนการสอน ได้แก่ รูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดการใช้สมองเป็นฐาน(Brain-Based Learning: BBL) พัฒนาการอ่านเพื่อความเข้าใจกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 และแผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 16 แผน ซึ่งมีค่าดัชนีความสอดคล้องของหลังสูตร (IOC) ระหว่าง 0.67 – 1.00 แสดงว่ารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดการใช้สมองเป็นฐาน(Brain-Based Learning: BBL) พัฒนาการอ่านเพื่อความเข้าใจกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษา

ปีที่ 3 มีคุณภาพ มีความเหมาะสมในการนำไปทดลองใช้ 3) เครื่องมือที่ใช้ในการประเมินผลและปรับปรุงรูปแบบการเรียนการสอน ได้แก่ แบบทดสอบการอ่านเพื่อการเข้าใจ แบบสังเกตพฤติกรรมและแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อรูปแบบการเรียนการสอน ซึ่งมีค่าดัชนีความสอดคล้องของรูปแบบการเรียนการสอน (IOC) ระหว่าง 0.67 – 1.00 ดำเนินการเก็บข้อมูลทุกขั้นตอนด้วยตนเอง วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ ค่าร้อยละ (%) ค่าเฉลี่ย ( x̄) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.)

ผลการวิจัยพบว่า

จากการดำเนินการตามขั้นตอนการวิจัยที่ได้นำเสนอ สรุปผลการวิจัยได้ดังนี้

1. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานได้รูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน (Brain-Based Learning : BBL) พัฒนาความสามารถในการอ่านเพื่อความเข้าใจ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ประกอบ 5 ขั้นตอน ดังนี้

1.1 ขั้นที่ 1 ขั้นวิธีเพื่อการผ่อนคลาย (Approach to relaxation) หมายถึง การ

ตื่นตัวที่ผ่อนคลายเป็นการลดความกลัวในตัวผู้เรียนและเสริมบรรยากาศที่ท้าทายการเรียนรู้ภาวะที่ผ่อนคลาย เป็นสมาธิช่วยในการปรับคลื่นสมอง

1.2 ขั้นที่ 2 ขั้นการบริหารสมอง (Operation to Brain-Gym) หมายถึง การบริหาร

และออกกำลังสมอง หรือ Brain Gym เพื่อช่วยให้สมองทั้งด้านซ้ายและสมองด้านขวาทางานประสานกันได้ดี

1.3 ขั้นที่ 3 ขั้นการถ่ายโยงการเรียนรู้ (Transfer of learning) หมายถึง การนำสิ่ง

เรียนรู้แล้วไปใช้ในสถานการณ์ใหม่

1.4 ขั้นที่ 4 การลงมือปฏิบัติ (Action Finding) หมายถึง การปฏิบัติตามลำดับ

ขั้นตอนของวิธีการแก้ปัญหาที่ได้วางแผนไว้

1.5 ขั้นที่ 5 การประเมินผล (Assessment Finding) หมายถึง การนำเสนอผลที่ได้จากลงมือปฏิบัติมาอธิบาย หรือแสดงว่าเป็นวิธีการที่สามารถใช้ในการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์และมีประโยชน์อย่างไร

2. รูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน (Brain-Based Learning : BBL) พัฒนาความสามารถในการอ่านเพื่อความเข้าใจ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ตามความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากถึงมากที่สุด

(มีค่าเฉลี่ยตั้งแต่ 4.00- 4.80) และความคิดเห็นของครูต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน (Brain-Based Learning : BBL) พัฒนาความสามารถในการอ่านเพื่อความเข้าใจ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีผลประเมินโดยรวม มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก (x̄ = 2.70, S.D. = 0.47)

3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน (Brain-Based Learning : BBL) พัฒนาความสามารถในการอ่านเพื่อความเข้าใจ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 การทดสอบวัดความสามารถในการอ่านภาษาไทยเพื่อความเข้าใจ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 พบว่า คะแนนเต็ม 30 คะแนน นักเรียนมีคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียน 15.50 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 51.67 คะแนนเฉลี่ยหลังเรียน 24.55 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 81.83 แสดงว่าการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดของรูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน (Brain-Based Learning : BBL) พัฒนาความสามารถในการอ่านเพื่อความเข้าใจ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ทำให้นักเรียนมีความสามารถในการอ่านเพื่อความเข้าใจเพิ่มขึ้น

4. ผลการประเมินประสิทธิผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน (Brain-Based Learning : BBL) พัฒนาความสามารถในการอ่านเพื่อความเข้าใจ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยมีวัตถุประสงค์ย่อยดังนี้

1) ผลการวิเคราะห์ข้อมูลจากการทดสอบวัดความสามารถในการอ่านภาษาไทยเพื่อความเข้าใจ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 พบว่า คะแนนเต็ม 30 คะแนน นักเรียนมีคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียน 16.06 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 53.55 คะแนนเฉลี่ยหลังเรียน 25.26 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 84.19 ซึ่งไม่น้อยกว่าเกณฑ์ร้อยละ 75 ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานของการวิจัย

2) นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน (Brain-Based Learning : BBL) พัฒนาความสามารถในการอ่านเพื่อความเข้าใจ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก

โพสต์โดย ๋jaree36 : [12 ก.พ. 2559 เวลา 13:53 น.]
อ่าน [66218] ไอพี : 113.53.177.165
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
Advertisement

 
 

โพสต์โดย

คุณ -

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 12,599 ครั้ง
ทีลอซู น้ำตกในฝัน ของนักผจญภัย
ทีลอซู น้ำตกในฝัน ของนักผจญภัย

เปิดอ่าน 22,664 ครั้ง
วิธีดูแลเล็บให้สวยงามแข็งแรง
วิธีดูแลเล็บให้สวยงามแข็งแรง

เปิดอ่าน 16,274 ครั้ง
เดินหน้าปฏิรูป การวัดผลการศึกษา 59
เดินหน้าปฏิรูป การวัดผลการศึกษา 59

เปิดอ่าน 19,649 ครั้ง
สิ่งของเสริมมงคลและตัวอย่างการแก้ไขฮวงจุ้ย
สิ่งของเสริมมงคลและตัวอย่างการแก้ไขฮวงจุ้ย

เปิดอ่าน 11,175 ครั้ง
20 วิธีอ่อนเยาว์มากขึ้นในวันนี้
20 วิธีอ่อนเยาว์มากขึ้นในวันนี้

เปิดอ่าน 9,719 ครั้ง
กรมวิทย์ยัน ตรวจขวดน้ำพลาสติกทิ้งกลางแดดร้อน ไม่พบสารพิษไดออกซิน
กรมวิทย์ยัน ตรวจขวดน้ำพลาสติกทิ้งกลางแดดร้อน ไม่พบสารพิษไดออกซิน

เปิดอ่าน 49,215 ครั้ง
การศึกษาขั้นพื้นฐานมุ่งสู่อนาคต (Basic Education for Future) : ทีปกร จิร์ฐิติกุลชัย
การศึกษาขั้นพื้นฐานมุ่งสู่อนาคต (Basic Education for Future) : ทีปกร จิร์ฐิติกุลชัย

เปิดอ่าน 27,876 ครั้ง
คำขอมับัตรประจำตัวหรือขอบัตรประจำตัวใหม่ ตาม พ.ร.บ.บัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐ พ.ศ.2542
คำขอมับัตรประจำตัวหรือขอบัตรประจำตัวใหม่ ตาม พ.ร.บ.บัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐ พ.ศ.2542

เปิดอ่าน 362,760 ครั้ง
ความสำคัญของภาษาไทย
ความสำคัญของภาษาไทย

เปิดอ่าน 11,861 ครั้ง
อภิปัญหาหนี้ครู...ปมที่แก้ไม่ตก 11 ปีลุกลาม 1.2 ล้านล้าน
อภิปัญหาหนี้ครู...ปมที่แก้ไม่ตก 11 ปีลุกลาม 1.2 ล้านล้าน

เปิดอ่าน 19,353 ครั้ง
ชมคลิป เด็ก ป.5 ท่องบทอาขยานไพเราะสุด ๆ ฟังแล้วทึ่ง
ชมคลิป เด็ก ป.5 ท่องบทอาขยานไพเราะสุด ๆ ฟังแล้วทึ่ง

เปิดอ่าน 15,596 ครั้ง
5 นิสัยของคนประสบความสำเร็จ
5 นิสัยของคนประสบความสำเร็จ

เปิดอ่าน 67,994 ครั้ง
การเขียนบทคัดย่อภาษาอังกฤษใน abstract
การเขียนบทคัดย่อภาษาอังกฤษใน abstract

เปิดอ่าน 13,488 ครั้ง
มะนาวฆ่ามะเร็ง เรื่องนี้เชื่อได้จริงหรือยังไม่ผ่านการพิสูจน์ ?
มะนาวฆ่ามะเร็ง เรื่องนี้เชื่อได้จริงหรือยังไม่ผ่านการพิสูจน์ ?

เปิดอ่าน 17,884 ครั้ง
แนวปฏิบัติการเสนอหนังสือราชการของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
แนวปฏิบัติการเสนอหนังสือราชการของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน

เปิดอ่าน 11,196 ครั้ง
คณิตศาสตร์ชุมชน : โดย สมพงษ์ จิตระดับ สุอังคะวาทิน, ชุติมา ชุมพงศ์
คณิตศาสตร์ชุมชน : โดย สมพงษ์ จิตระดับ สุอังคะวาทิน, ชุติมา ชุมพงศ์
เปิดอ่าน 408,691 ครั้ง
เทคนิคการใส่เลขหน้าใน MS Word แบบไม่เริ่มต้นที่หน้าแรก
เทคนิคการใส่เลขหน้าใน MS Word แบบไม่เริ่มต้นที่หน้าแรก
เปิดอ่าน 53,697 ครั้ง
กรณีตัวอย่างการประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพ
กรณีตัวอย่างการประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพ
เปิดอ่าน 32,411 ครั้ง
เกลือในทะเล มาจากไหน?
เกลือในทะเล มาจากไหน?
เปิดอ่าน 14,715 ครั้ง
วันมาฆบูชา
วันมาฆบูชา

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
ติวสอบ GED
ติวสอบ SAT
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ