ชื่อเรื่อง การพัฒนาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ประกอบการเรียนแบบสืบเสาะหาความรู้
เรื่อง ฟิสิกส์นิวเคลียร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
ผู้วิจัย นายเขต ดอนประจำ
โรงเรียน เมืองกาฬสินธุ์
ปีที่ศึกษา ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2558
บทคัดย่อ
การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ เป็นรูปแบบการสอนที่เน้นนักเรียนเป็นสำคัญแบบหนึ่งที่ฝึกให้นักเรียนเข้าใจกระบวนการสืบเสาะหาคำตอบ มีส่วนร่วมในกิจกรรม มีความกระตือรือร้นในการเรียน อยากรู้อยากเห็น แสวงหาความรู้ด้วยตนเอง และมีทักษะการเรียนรู้ (Learning Skills) การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ประกอบการเรียนแบบสืบเสาะหาความรู้ เรื่อง ฟิสิกส์นิวเคลียร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ประกอบการเรียนแบบสืบเสาะหาความรู้ เรื่อง ฟิสิกส์นิวเคลียร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่เรียนด้วยหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ประกอบการเรียนแบบสืบเสาะหาความรู้ เรื่อง ฟิสิกส์นิวเคลียร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ระหว่าง ก่อนเรียนและหลังเรียน 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่มีต่อการเรียนรู้ด้วยหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ประกอบการเรียนแบบสืบเสาะหาความรู้ เรื่อง ฟิสิกส์นิวเคลียร์ โดยกลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/2 ที่เรียนแผนการเรียน วิทย์ คณิต โรงเรียนเมืองกาฬสินธุ์ อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ จำนวน 35 คน วิชาฟิสิกส์ 5 (ว33205) เรื่อง ฟิสิกส์นิวเคลียร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีซึ่งได้มาด้วยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) โดยใช้หน่วยการสุ่มเป็นห้องเรียนเครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้าประกอบด้วย 1) แผนการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้โดยใช้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ที่ 6 จำนวน 10 แผน 2) หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ประกอบการเรียนแบบสืบเสาะหาความรู้ วิชาฟิสิกส์ 5 (ว33205) เรื่อง ฟิสิกส์นิวเคลียร์ 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาฟิสิกส์ เรื่อง ฟิสิกส์นิวเคลียร์ จำนวน 30 ข้อ ซึ่งมีความเชื่อมั่น 0.86 และ 4) แบบวัดความพึงพอใจ แบบมาตราส่วนประมาณค่า จำนวน 20 ข้อ ซึ่งมีความเชื่อมั่น 0.899 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ การทดสอบสมมุติฐาน ใช้ t test (Paired t-test)
ผลการศึกษาค้นคว้า พบว่า
1. ประสิทธิภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ประกอบการเรียนแบบสืบเสาะหาความรู้ เรื่อง ฟิสิกส์นิวเคลียร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 มีค่าเท่ากับ 85.44 /84.57 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ 80/80
2. หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ประกอบการเรียนแบบสืบเสาะหาความรู้ เรื่อง ฟิสิกส์นิวเคลียร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 มีค่าดัชนีประสิทธิผลในการเรียนรู้ 0.7715 ซึ่งหมายความว่า หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ประกอบการเรียนแบบสืบเสาะหาความรู้ เรื่อง ฟิสิกส์นิวเคลียร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ทำให้นักเรียนมีความรู้เพิ่มขึ้น เท่ากับ 0.7715 คิดเป็นร้อยละ 77.15
3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาฟิสิกส์ (ว33205) เรื่อง ฟิสิกส์นิวเคลียร์ ของนักเรียนที่เรียนด้วยหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ประกอบการเรียนแบบสืบเสาะหาความรู้ เรื่อง ฟิสิกส์นิวเคลียร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนด้วยหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ประกอบการเรียนแบบสืบเสาะหาความรู้ เรื่อง ฟิสิกส์นิวเคลียร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยรวมอยู่ในระดับมาก (x̄= 4.26) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากทุกด้าน คือ ด้านเนื้อหา (x̄= 4.19) ด้านกิจกรรมการเรียนการสอน (x̄= 4.19) ด้านสื่อการเรียนรู้ ( x̄= 4.28) และรุป ผลการศึกด้านการประเมินผล ( x̄= 4.36)
โดยสษาค้นคว้าทำให้ได้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ประกอบการเรียนแบบสืบเสาะหาความรู้ เรื่อง ฟิสิกส์นิวเคลียร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ครูผู้สอนสามารถนำหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้ศึกษาค้นคว้าพัฒนาขึ้น ไปจัดกิจกรรมการเรียนการสอนเพื่อให้นักเรียนบรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้