ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
หัวใจของการพัฒนาคุณภาพการศึกษา

หัวใจของการพัฒนาคุณภาพการศึกษา

ปัจจุบันโลกมีความเจริญก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และเป็นยุคโลกาภิวัตน์ ที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ละประเทศจำเป็นที่ต้องเรียนรู้ ที่จะปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตลอดเวลา และเตรียมความพร้อมที่จะเผชิญกับความท้าทายจากกระแสโลก โดยปัจจัยที่สำคัญที่จะเผชิญความเปลี่ยนแปลง และความท้าทายดังกล่าวได้แก่คุณภาพของคน การจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาคนให้มีคุณภาพ จึงเป็นเรื่องที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง โดยจะต้องเป็นการจัดการศึกษาที่มีคุณภาพเพื่อให้ศักยภาพที่มีอยู่ในตัวคน ได้รับการพัฒนาอย่างเต็มที่ ทำให้รู้จักคิดวิเคราะห์ รู้จักแก้ปัญหา มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ รู้จักเรียนรู้ด้วยตนเอง สามารถปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว มีคุณธรรม จริยธรรม พึ่งตนเอง และสามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข

ในสถานการณ์ปัจจุบันประเทศไทยกำลังมีปัญหาเรื่องวิกฤติทางปัญญา นั่นคือ “คนขาดคุณภาพ” ส่งผลให้ระบบต่าง ๆ เปราะบางไปหมดทุกระบบ เช่น วินัยของคน ระบบราชการ การเมืองไม่มีคุณภาพ คนไทยเกลียดการเรียนรู้ เป็นทาสยาเสพติด ศีลธรรมตกต่ำ บริโภค เทคโนโลยีต่างประเทศ คิดเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับตนเองไม่ค่อยได้ ไม่รักษาสิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรม บ้านพนัน เล่นกีฬาเน้นแต่ชัยชนะไม่เน้นพัฒนา ยังเป็นประเทศด้วยพัฒนาต่อไป ซึ่งแม้ว่าไทยจะสามารถจัดการศึกษาได้ก้าวหน้าเป็นที่น่าพอใจ โดยมีอัตราเด็กในวัยการศึกษาขั้นพื้นฐานเข้าสู่การศึกษาในระบบได้อย่างน่าพอใจในระดับหนึ่ง และมีอัตราเข้าเรียนการศึกษานอกระบบในอัตราก้าวหน้า แต่ก็ยังพบว่ามีปัจจัยภายนอกที่มีผลกระทบต่อเด็กวัยดังกล่าวนี้ ทำให้การจัดการศึกษาไม่ทั่วถึง ด้อยคุณภาพและประสิทธิภาพ ส่วนหนึ่งเนื่องมาแต่ปัญหาการวางแผนและการจัดการศึกษาไม่เหมาะสมทั้งในเรื่องหลักสูตรและวิธีการสอนที่ไม่สามารถสนองต่อวิถีชีวิตและความต้องการของกลุ่มเด็กด้อยโอกาส ขาดรูปแบบการจัดการศึกษาที่หลากหลาย

จากการสรุปผลการสังเคราะห์ผลการประเมินคุณภาพภายนอกสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน รอบที่ 1 ภาพรวมระดับประเทศ จำนวน 17,652 แห่ง พบว่า มาตรฐานด้านผู้เรียนที่ยังไม่ได้มาตรฐานมี 4 มาตรฐานคือ มาตรฐานที่ 4 ผู้เรียนมีความสามารถคิดอย่างเป็นระบบ มาตรฐานที่ 5 ผู้เรียนมีความรู้และทักษะที่จำเป็นตามหลักสูตร มาตรฐานที่ 6 ผู้เรียนมีทักษะในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง รักการเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง และมาตรฐานที่ 9 ผู้เรียนมีทักษะในการทำงาน รักการทำงาน สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ และมีเจตคติที่ดีต่ออาชีพสุจริต มาตรฐานด้านผู้บริหาร คือ มาตรฐานที่ 25 การบริหารงานวิชาการ โดยเฉพาะการมีหลักสูตรที่เหมาะสมกับผู้เรียนและท้องถิ่น มีสื่อการเรียนการสอนที่เอื้อต่อการเรียนรู้ และมาตรฐานที่ 18 การส่งเสริมกิจกรรมและการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ มาตรฐานด้านครูผู้สอน คือ มาตรฐานที่ 24 ความเพียงพอของครู และมาตรฐานที่ 22 ความสามารถของครูในการจัดการเรียนการสอนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ

จากข้อมูลดังกล่าวเบื้องต้นแสดงให้เห็นว่ายังมีครูอีกจำนวนหนึ่งที่จัดการเรียนการสอนยังไม่ได้มาตรฐาน ส่งผลให้คุณภาพผู้เรียนไม่ได้มาตรฐานตามไปด้วย โดยเฉพาะการจัดการเรียน การสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ที่ต้องเน้นให้ผู้เรียนได้ปฏิบัติจริง จัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่สนองความแตกต่างของนักเรียนแต่ละคน โดยการศึกษาเด็กเป็นรายบุคคลเพื่อพัฒนาเด็กแต่ละคนให้มีความรู้ความสามารถเต็มศักยภาพ กระบวนการพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับกันในปัจจุบันนั้นก็ คือ การวิจัยในชั้นเรียน

พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 ได้กำหนดให้การวิจัยเป็นส่วนหนึ่งของการจัดกระบวนการเรียนการสอนดังปรากฏใน มาตรา 24 (5) ส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้สอนสามารถจัดบรรยากาศ สภาพแวดล้อม สื่อการเรียน และอำนวยความสะดวก เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้และมีความรอบรู้ ทั้งสามารถใช้การวิจัยเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้ ทั้งนี้ผู้สอนและผู้เรียนอาจเรียนรู้ไปพร้อม ๆ กัน จากสื่อการเรียนการสอนและแหล่งวิทยาการต่าง ๆ ตาม มาตรา 30 ให้สถานศึกษาพัฒนากระบวนการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งการส่งเสริมให้ผู้สอนสามารถวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับผู้เรียนในแต่ละระดับการศึกษา การวิจัยในชั้นเรียนเป็นการวิจัยปฏิบัติการ เพื่อปรับปรุงและเปลี่ยนแปลง พัฒนาการจัดการเรียนการสอนให้มีคุณภาพ ผู้มีหน้าที่วิจัยในชั้นเรียนคือครูผู้สอน ผู้มีบทบาทหน้าที่โดยตรง ผู้ที่จะได้รับประโยชน์คนแรกคือครูที่ทำวิจัยในชั้นเรียนเอง และนักเรียน ครูสามารถใช้ การวิจัยในชั้นเรียน เป็นเครื่องมือในการตัดสินใจอย่างมีเหตุผลในการจัดการเรียนการสอน ช่วยให้ครูวางแผนได้อย่างเป็นระบบ

การทำวิจัยในชั้นเรียนจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของครูผู้สอนแต่ฝ่ายเดียวย่อมไม่ได้ ดังนั้น ฝ่ายบริหารควรเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนางานวิจัยในชั้นเรียนของครู เพื่อให้ครูเห็นความสำคัญของการทำวิจัย มีความรู้ความเข้าใจ ในกระบวนการทำวิจัยในชั้นเรียน ดังนั้น การมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย จึงนับว่าเป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยให้กระบวนการทำงานเกิดประสิทธิภาพ การทำวิจัยในชั้นเรียน เป็นกระบวนการของการแสวงหาความรู้ร่วมกันของผู้คนที่หลากหลายที่ยึดหลักการร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมตัดสินใจ และร่วมเรียนรู้ ร่วมรับผิดชอบจากสิ่งที่คิดร่วมกัน ตัดสินใจร่วมกัน เป็นกระบวนการแสวงหาความรู้ร่วมกัน เพื่อนำไปใช้จริง มุ่งเน้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และเกิดการพัฒนา นอกจากนี้กระบวนการวิจัย จะช่วยให้คนที่มีส่วนร่วมในงานวิจัยเกิดการเรียนรู้ได้อย่างเป็นระบบ ทำให้รู้ว่าข้อมูลมีประโยชน์และมีความสำคัญ

การวิจัยในชั้นเรียน จะประสพผลสำเร็จได้ต้องอาศัยการมีส่วนร่วมจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะครูผู้สอนที่มีหน้าที่โดยตรงในการทำวิจัยในชั้นเรียน และผู้บริหารสถานศึกษาซึ่งเป็นผู้มีอำนาจในการตัดสินใจ การวางแผน การกำหนดแนวทางดำเนินการ การประเมินผล การรับผลประโยชน์เกี่ยวกับการดำเนินการวิจัยในชั้นเรียน ดังนั้น ทั้งสองฝ่ายควรมีการทำงานร่วมกันในทุกขั้นตอน การมีส่วนร่วม เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ปฏิบัติงานหรือผู้ที่เกี่ยวข้องได้มีส่วนร่วมในการทำงานและจะทำให้เกิดความรู้สึกที่เกี่ยวข้องผูกพันกับงานหรือองค์กร ความรู้สึกผูกพันเกี่ยวข้องที่ว่านี้ หากมีการตัดสินใจดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งร่วมกันแล้ว จะส่งผลให้เกิดข้อผูกมัดหรือ สิ่งที่ตกลงใจร่วมกัน กล่าวว่า การบริหารงานแบบมีส่วนร่วม ทำให้สามารถพัฒนาองค์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดี ความสัมพันธ์ระหว่างผู้บังคับบัญชา และผู้ใต้บังคับบัญชาราบรื่นขึ้น ความผูกพันของผู้ร่วมงาน ขวัญและกำลังใจดีขึ้น ผู้ร่วมงานไว้วางใจฝ่ายบริหารมากขึ้น การทำงานเป็นทีมดีขึ้น

การค้นพบรูปแบบ A10 ของ ผู้อำนวยการ จำรัส นวลมา ผู้อำนวยการโรงเรียนเทศบาล 2 วัดพระทรง (สุทธิวิเทศอุปถัมภ์) นับเป็นประโยชน์อย่างมากในการบริหารงานวิชาการของสถานศึกษา โดยเฉพาะการวิจัยในชั้นเรียน รูปแบบการบริหารงานวิชาการแบบมีส่วนร่วมเพื่อส่งเสริมสมรรถภาพการวิจัยในชั้นเรียนของครู ที่ ผู้อำนวยการ จำรัส นวลมา คิดค้นขึ้นมาได้วางรูปแบบกระบวนการในการบริหารไว้อย่างเป็นระบบ โดยนำเอาแนวคิดทฤษฎีการบริหาร ทฤษฎีการมีส่วนร่วม และทฤษฎีการบริหาร โดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน มาบูรณาการเป็นกระบวนการบริหารงานวิชาการแบบมีส่วนร่วม เพื่อส่งเสริมสมรรถภาพการวิจัยในชั้นเรียนของครู โดยมีขั้นตอนการบริหาร ดังนี้

ขั้นที่ 1 ขั้นร่วมคิดวิเคราะห์วิจารณ์ (Critical Thinking = C) เป็นการบริหารที่ให้ครู ผู้บริหาร และกรรมการสถานศึกษา ได้ร่วมคิดวิเคราะห์วิจารณ์เกี่ยวกับปัญหา และคุณภาพการจัดการเรียนการสอน และคุณภาพผู้เรียน ตลอดจน วิเคราะห์ถึงสาเหตุ ปัจจัยที่ส่งผลต่อคุณภาพการศึกษาของโรงเรียน

ขั้นที่ 2 ขั้นร่วมตระหนัก (Aworeness = A) เป็นขั้นที่ครู ผู้บริหาร และกรรมการสถานศึกษา ตระหนักถึงปัญหาคุณภาพการศึกษาของโรงเรียน และตระหนักถึงความสำคัญของ การวิจัยในชั้นเรียน ที่สามารถแก้ปัญหา และยกระดับคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนได้เป็นอย่างดี

ขั้นที่ 3 ขั้นร่วมตัดสินใจ (Decision Making = D) เป็นขั้นที่ครู ผู้บริหาร และกรรมการสถานศึกษา ร่วมกันตัดสินใจในการคิดค้นแนวทางในการแก้ปัญหา และพัฒนาคุณภาพผู้เรียน

ขั้นที่ 4 ขั้นร่วมดำเนินการ (Acting = A) เป็นขั้นที่ครู ผู้บริหาร และกรรมการสถานศึกษา ร่วมกันวางแผนการดำเนินงาน (Act to Planning =AP) ร่วมกันปฏิบัติ (Act to Doing = AD) ร่วมกันประเมินผล (Act to Evaluation = AE) และร่วมกันประยุกต์ใช้ (Act to Action = AA)

ขั้นที่ 5 ขั้นร่วมรับผลประโยชน์ (Benefits = B) เป็นขั้นที่ครู ผู้บริหาร และกรรมการสถานศึกษา ร่วมกันรับผลประโยชน์จากการดำเนินการในครั้งนี้

ซึ่งเรียนรูปแบบการบริหารงานวิชาการแบบมีส่วนร่วมเพื่อส่งเสริมสมรรถภาพการวิจัยในชั้นเรียน นี้ว่า รูปแบบ ซีเอดีเอบี (CADAB Model) ซึ่งเป็นรูปแบบการบริหารที่อาศัยหลักการ มีส่วนร่วม (Participation) และหลักการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน (School Based Management) และเป็นรูปแบบการบริหารที่ส่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพครู และคุณภาพผู้เรียนไปพร้อม ๆ กันด้วย

การค้นพบรูปแบบการบริหารแบบ ซีเอดีเอบี (CADAB Model) เป็นการค้นพบรูปการบริหารงานวิชาการที่มีคุณค่าต่อการบริหารสถานศึกษาเป็นอย่างมาก การนำเอารูปแบบการบริหารงาน ซีเอดีเอบี มาทดลองใช้ในครั้งนี้ ได้หยิบยกเอาการบริหารวิชาการ ด้านการวิจัยเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา หรือ การวิจัยในชั้นเรียน มาเป็นเนื้อหาในการทดลอง ซึ่งประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย ด้านสมรรถภาพการวิจัยในชั้นเรียนของครู ด้านคุณภาพผู้เรียนที่เป็นผลการวิจัยในชั้นเรียนของครู ด้านคุณภาพผู้เรียนที่เป็นผลจากการวิจัยของครู และที่สำคัญเป็นรูปแบบการบริหารที่ครู ผู้บริหาร และกรรมการสถานศึกษา ซึ่งมีส่วนร่วมในการบริหารความพึงพอใจต่อรูปแบบการบริหาร ซีเอดีเอบี ในระดับมากที่สุด ดังนั้นรูปแบบการบริหารงานวิชาการแบบมีส่วนร่วม ซีเอดีเอบี มิใช่เป็นรูปแบบการบริหารที่เหมาะสมกับการวิจัยในชั้นเรียนเท่านั้น แต่สามารถนำไปประยุกต์ใช้การบริหารงานวิชาการด้านอื่น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงเป็นการสมควรอย่างยิ่งที่จะนำรูปแบบการบริหาร ซีเอดีเอบี (CADAB Model) เผยแพร่ให้ผู้บริหารสถานศึกษา และผู้ที่สนใจนำไปใช้ในการบริหารงานวิชาการของสถานศึกษา เพื่อให้เกิดสมรรถภาพของครู และคุณภาพผู้เรียนที่สูงยิ่งขึ้น

บทความโดย จำรัส นวลมา

ตำแหน่ง ผู้อำนวยการสถานศึกษา

โรงเรียนเทศบาล 2 วัดพระทรง (สุทธิวิเทศอุปถัมภ์)

โพสต์โดย เบิ่ง : [27 ม.ค. 2559 เวลา 09:12 น.]
อ่าน [5904] ไอพี : 125.25.60.36
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โพสต์โดย

คุณ -

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 34,265 ครั้ง
น้ำแร่และน้ำเปล่าแตกต่างกันอย่างไร
น้ำแร่และน้ำเปล่าแตกต่างกันอย่างไร

เปิดอ่าน 16,133 ครั้ง
การศึกษาเท่านั้นที่ทำให้ประเทศเจริญ : โดย สุกรี เจริญสุข
การศึกษาเท่านั้นที่ทำให้ประเทศเจริญ : โดย สุกรี เจริญสุข

เปิดอ่าน 35,545 ครั้ง
ปลิงหรือทากกัด
ปลิงหรือทากกัด

เปิดอ่าน 19,837 ครั้ง
โปรแกรมเฮ้าส์คีปเปอร์
โปรแกรมเฮ้าส์คีปเปอร์

เปิดอ่าน 14,033 ครั้ง
พบหลุมยุบยักษ์ปริศนาที่ไซบีเรีย นักวิทย์เร่งหาคำตอบ
พบหลุมยุบยักษ์ปริศนาที่ไซบีเรีย นักวิทย์เร่งหาคำตอบ

เปิดอ่าน 28,843 ครั้ง
สั่งจองพื้นที่บนดวงจันทร์ได้แล้ว
สั่งจองพื้นที่บนดวงจันทร์ได้แล้ว

เปิดอ่าน 19,398 ครั้ง
การแสดงเครื่องหมายลิขสิทธิ์ที่ถูกต้องทำอย่างไร
การแสดงเครื่องหมายลิขสิทธิ์ที่ถูกต้องทำอย่างไร

เปิดอ่าน 30,511 ครั้ง
อากาศร้อนจัด นักวิชาการมหิดล เตือน ฮีทสโตรค อันตราย
อากาศร้อนจัด นักวิชาการมหิดล เตือน ฮีทสโตรค อันตราย

เปิดอ่าน 16,320 ครั้ง
แว่นกันแดดแฟชั่น สวย เสี่ยง
แว่นกันแดดแฟชั่น สวย เสี่ยง

เปิดอ่าน 12,640 ครั้ง
ถั่งเช่า ยาอายุวัฒนะ
ถั่งเช่า ยาอายุวัฒนะ

เปิดอ่าน 13,768 ครั้ง
ยืดอายุหนูได้เท่าอายุคน125ปี อาจจะนำวิธีการมา ใช้กับมนุษย์
ยืดอายุหนูได้เท่าอายุคน125ปี อาจจะนำวิธีการมา ใช้กับมนุษย์

เปิดอ่าน 10,464 ครั้ง
เตือน แมงกะพรุนกล่อง อาละวาด พิษแรง สัมผัสถึงตาย
เตือน แมงกะพรุนกล่อง อาละวาด พิษแรง สัมผัสถึงตาย

เปิดอ่าน 18,215 ครั้ง
การวัดมุมในระนาบดิ่ง
การวัดมุมในระนาบดิ่ง

เปิดอ่าน 20,654 ครั้ง
ประโยชน์จากฟักเขียว
ประโยชน์จากฟักเขียว

เปิดอ่าน 14,531 ครั้ง
การทำบุญสะเดาะเคราะห์
การทำบุญสะเดาะเคราะห์

เปิดอ่าน 9,749 ครั้ง
รับชม คุณครูฮ้องเพลงคำเมือง "ภูมิแพ้โปเกม่อน" ให้กำลังใจครูที่ปวดหัวกับนักเรียนที่มัวเล่นเกมล่าโปเกม่อน
รับชม คุณครูฮ้องเพลงคำเมือง "ภูมิแพ้โปเกม่อน" ให้กำลังใจครูที่ปวดหัวกับนักเรียนที่มัวเล่นเกมล่าโปเกม่อน
เปิดอ่าน 20,937 ครั้ง
การศึกษากับมุมมองของคนเวียดนาม
การศึกษากับมุมมองของคนเวียดนาม
เปิดอ่าน 19,679 ครั้ง
กินแก้โรค ข้าวสมุนไพรหลากสี
กินแก้โรค ข้าวสมุนไพรหลากสี
เปิดอ่าน 14,776 ครั้ง
PowerPoint ชี้แจงตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลางสาระภูมิศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560)
PowerPoint ชี้แจงตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลางสาระภูมิศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560)
เปิดอ่าน 15,863 ครั้ง
เงินตราของเวียดนามตอนที่ 1
เงินตราของเวียดนามตอนที่ 1

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
โครงการบ้านเชียงใหม่
บ้านเชียงใหม่
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ