ศุภชัย สิงห์รัง (2557). รายงานการใช้บทเรียนสำเร็จรูป กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษาเรื่อง การสร้างเสริมสุขภาพ สมรรถภาพ และการป้องกันโรคสำหรับนักเรียน
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5. ขอนแก่น: โรงเรียนบ้านนาแพงคุรุรัฐสามัคคี.
บทคัดย่อ
รายงานการใช้บทเรียนสำเร็จรูป เรื่องการสร้างเสริมสุขภาพ สมรรถภาพ และการป้องกันโรค ในครั้งนี้
มีวัตถุประสงค์
1) เพื่อหาประสิทธิภาพของบทเรียนสำเร็จรูป กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา
รายวิชาสุขศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80
2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ก่อนเรียนและหลังเรียน จากการใช้บทเรียนสำเร็จรูป
กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา รายวิชาสุขศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 เรื่องการสร้างเสริมสุขภาพ สมรรถภาพ และการป้องกันโรค โรงเรียนบ้านนาแพงคุรุรัฐสามัคคี อำเภอเวียงเก่า
จังหวัดขอนแก่น
3) เพื่อหาความพึงพอใจของนักเรียน ที่เรียนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูปกลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา รายวิชาสุขศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 เรื่องการสร้างเสริมสุขภาพ สมรรถภาพ และการป้องกันโรค
กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการศึกษา เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่กำลังเรียนภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2557 โรงเรียนบ้านนาแพงคุรุรัฐสามัคคี อำเภอเวียงเก่า สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 5 จำนวน 11 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่
1) บทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง การสร้างเสริมสุขภาพ สมรรถภาพ และการป้องกันโรค จำนวน 10 เรื่อง 2) แผนการจัดการเรียนรู้ที่ใช้ควบคู่กับบทเรียนสำเร็จรูป จำนวน 12 แผนการจัดการเรียนรู้
3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 40 ข้อ มีค่าความยากง่าย (p) ตั้งแต่ 0.26-0.78 ค่าอำนาจจำแนก (r) ตั้งแต่ 0.22-0.63 และค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.86
ผลการศึกษาพบว่า
1) ประสิทธิภาพของบทเรียนสำเร็จรูป เรื่องการสร้างเสริมสุขภาพ สมรรถภาพ และ
การป้องกันโรค กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา รายวิชาสุขศึกษา ของนักเรียน
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนบ้านนาแพงคุรุรัฐสามัคคี ประกอบด้วย บทเรียนสำเร็จรูป
จำนวน 10 เล่ม โดยใช้ควบคู่กับแผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 12 แผน ใช้เวลา 12 ชั่วโมง จากการหาประสิทธิภาพมีค่าประสิทธิภาพ เท่ากับ 86.00/85.45 เป็นไปตามเกณฑ์ 80/80 สอดคล้องงานวิจัย
วันเพ็ญ บูรณะพล(2554:บทคัดย่อ)
2) จากการเปรียบเทียบคะแนนก่อนเรียนและหลังเรียน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ทุกเรื่อง ทั้งเป็นรายบุคคลและเป็นรายเรื่อง และยังพบว่าคะแนนเฉลี่ยหลังการเรียนสูงกว่าคะแนนก่อนการเรียน เป็นไปตามตามสมมุติฐานข้อ 2 และสอดคล้องงานวิจัยวันเพ็ญ บูรณะพล(2554:บทคัดย่อ) ที่พบว่าการเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนและหลังเรียน พบว่า นักเรียนที่เรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูปกลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 มีคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ.01 ผลจากการพัฒนาดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าการพัฒนาบทเรียนสำเร็จรูปที่มีประสิทธิภาพแล้วนำไปประกอบกิจกรรมการเรียน จะทำให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น
3) ผลการประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่เรียนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูปรายวิชาสุขศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 เรื่องการสร้างเสริมสุขภาพ สมรรถภาพ และการป้องกันโรค อยู่ในระดับ มาก โดยมีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 4.37 สอดคล้องงานวิจัยทวีศักดิ์ ค้าขาย (2555:บทคัดย่อ)