ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนารูปแบบการสอน โดยการบูรณาการ การสอนแบบแผนภาพลำดับเหตุการณ์กับการสอนแบบ KWL-Plus เพื่อพัฒนาควา

ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการสอน โดยการบูรณาการ การสอนแบบแผนภาพลำดับเหตุการณ์กับการสอนแบบ KWL-Plus เพื่อพัฒนาความสามารถในการเขียนสรุปความภาษาไทย ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1

ผู้วิจัย นางสาวสุวารี สุวรรณบุตร

โรงเรียน โรงเรียนเทศบาลบ้านสามเหลี่ยม สำนักการศึกษา เทศบาลนครขอนแก่น

จังหวัดขอนแก่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย

ปีที่วิจัย 2557

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

การวิจัยเรื่อง การพัฒนารูปแบบการสอนโดยการบูรณาการ การสอนแบบแผนภาพลำดับเหตุการณ์กับการสอนแบบ KWL-Plus เพื่อพัฒนาความสามารถในการเขียนสรุปความภาษาไทย ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เป็นการวิจัยตามแนวคิด ของ โจนส์ และคณะ (Jones et al, 1989) คล้าก (Clarke, 1991) และจอยส์ และคณะ (Joyce et al, 1992) ซึ่งได้พัฒนารูปแบบการเรียนการสอนโดยใช้ผังกราฟฟิกขึ้น และ Ogle (1986) พัฒนารูปแบบการสอนประกอบด้วย 3 ขั้นตอน คือ Know-Want-Learn (KWL) โดยผู้วิจัยได้นำมาประยุกต์ร่วมกับการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) ซึ่งมีวัตถุประสงค์ของการวิจัย (1) เพื่อสำรวจข้อมูลพื้นฐานในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ของกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 (2) เพื่อพัฒนาและหาค่าประสิทธิภาพรูปแบบการสอน โดยการบูรณาการ การสอนแบบแผนภาพลำดับเหตุการณ์กับการสอนแบบ KWL-Plus เพื่อพัฒนาความสามารถในการเขียนสรุปความภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยกำหนดเกณฑ์ประสิทธิภาพ E1/E2 ที่ 80/80 (3) เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการเขียนสรุปความภาษาไทย ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ก่อนและหลังจากที่ได้รับการสอนโดยการบูรณาการ การสอนแบบแผนภาพลำดับเหตุการณ์ กับการสอนแบบ KWL-Plus และ (4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่มีต่อรูปแบบการสอน โดยการบูรณาการ การสอนแบบแผนภาพลำดับเหตุการณ์ กับการสอนแบบ KWL-Plus เพื่อพัฒนาความสามารถในการเขียนสรุปความภาษาไทย เนื้อหาที่ใช้ในการวิจัย คือ การเขียนสรุปความภาษาไทยโดยใช้นิทานเป็นสื่อในการทดลอง ซึ่งนิทานแต่ละเรื่องมีเนื้อหาในเชิงสร้างสรรค์ จรรโลงใจ มีแง่คิดด้านคุณธรรมจริยธรรม เหมาะสมกับวัย จำนวน 12 เรื่อง ได้แก่ เรื่อง นกกระจาบแตกสามัคคี เนื้อกวางของนายพราน สัตว์เกียจคร้าน ขุดหาน้ำกลางทะเลทราย ม้าศึกกับทหารม้า คางคกเจ้าปัญญา เพื่อนตาย พญาเนื้อทอง พญาช้างเผือก ผู้กตัญญู เมืองหนู และนิทานไม่รู้จบ ซึ่งในการสอนทั้ง 2 วิธี ประกอบด้วย 12 แผนการจัดการเรียนรู้ ใช้เวลา 12 ชั่วโมง รวมทั้งสองวิธี เป็น 24 ชั่วโมง กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนเทศบาลบ้านสามเหลี่ยม ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2557 จำนวน 2 ห้องเรียน คือ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/1 จำนวน 32 คน ทดลองโดยใช้การสอนแบบแผนภาพลำดับเหตุการณ์ และกลุ่มที่ 2 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/2 จำนวน 32 คน ใช้การสอนแบบ KWL-Plus โดยการเลือกแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) ตัวแปรอิสระ (Independent Variables) ได้แก่ รูปแบบการสอนเพื่อพัฒนาความสามารถในการเขียนสรุปความภาษาไทย ตัวแปรตาม (Dependent Variables) ได้แก่ ความสามารถในการเขียนสรุปความภาษาไทย และความพึงพอใจของนักเรียนกลุ่มตัวอย่างที่มีต่อรูปแบบการสอน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย มี 2 ประเภท ประเภทแรก คือ เครื่องมือจัดกระทำ ได้แก่ รูปแบบการสอนเพื่อพัฒนาความสามารถในการเขียนสรุปความภาษาไทย และแผนการจัดการเรียนรู้ ประเภทที่สอง คือ เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบทดสอบความสามารถในการเขียนสรุปความภาษาไทย และแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อรูปแบบการสอน สำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลใช้ ค่าเฉลี่ย ( ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) สถิติทีแบบไม่อิสระ (t-test dependent) และการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis)

ผลการวิจัยพบว่า

1. รูปแบบการสอนที่พัฒนาขึ้น เป็นการบูรณาการ วิธีการสอนแบบแผนภาพลำดับเหตุการณ์กับการสอนแบบ KWL-Plus เพื่อพัฒนาความสามารถในการเขียนสรุปความภาษาไทย ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ซึ่งเป็นการวิจัยตามแนวคิด ของ โจนส์ และคณะ (Jones et al, 1989) คล้าก (Clarke, 1991) และจอยส์ และคณะ (Joyce et al, 1992) ซึ่งได้พัฒนารูปแบบการเรียนการสอนโดยใช้ผังกราฟฟิกขึ้น และOgle (1986) ที่ได้พัฒนารูปแบบการสอน KWL-Plus ขึ้นประกอบด้วยจำนวน 3 ขั้นตอน คือ Know-Want-Learn (KWL) และนำมาประยุกต์ร่วมกับการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) ซึ่งการสอนแบบแผนภาพลำดับเหตุการณ์ เป็นการสอนที่ทำให้นักเรียนเกิดทักษะการคิด โดยใช้ผังแสดงความสัมพันธ์ระหว่างเหตุการณ์ เรียงลำดับข้อมูลโดยสัมพันธ์กันในลักษณะต่างๆ แผนภาพลำดับเหตุการณ์นี้เป็นรูปแบบหนึ่งของการสอนโดยใช้กรอบมโนทัศน์ หรือผังกราฟฟิก ส่วนการสอนแบบ KWL-Plus เป็นกระบวนการจัดการเรียนรู้ ที่เน้นให้ผู้เรียนมีทักษะกระบวนการอ่าน โดยผู้เรียนจะได้รับการฝึกให้ตระหนักในกระบวนการทำความเข้าใจตนเอง มีการวางแผน ตั้งจุดมุ่งหมาย ตรวจสอบความเข้าใจของตนเอง มีการจัดระบบข้อมูล เพื่อการดึงมาใช้ภายหลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้มีการเพิ่มเติมหลังจากผู้เรียนได้เรียนรู้และเขียนข้อมูล แล้วยังนำข้อมูลมาเขียนสรุปในขั้นตอนสุดท้าย หรือจัดระบบข้อมูลใหม่เพื่อให้ผังความคิดมีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น เป็นการเขียนสรุปและนำเสนอข้อมูลด้วยตนเอง และเมื่อตรวจสอบความสอดคล้องของรูปแบบการสอนที่พัฒนาขึ้น โดยผู้เชี่ยวชาญ พบว่า รูปแบบการสอนมีความสอดคล้องกัน (IOC = 1.00) และเมื่อนำไปหาประสิทธิภาพ (E1/ E2) แบบกลุ่มใหญ่หรือแบบภาคสนาม กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเทศบาลบ้านสามเหลี่ยม ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2557 ที่เคยเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ผ่านมาแล้วในปีการศึกษา 2556 ซึ่งไม่ใช่กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 30 คน พบว่า ได้ค่าประสิทธิภาพของรูปแบบการสอน โดยการบูรณาการ การสอนแบบแผนภาพลำดับเหตุการณ์กับการสอนแบบ KWL-Plus เท่ากับ 81.93/81.17 และ 84.13/82.17 ตามลำดับ สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ คือ 80/80 ซึ่งเป็นการยอมรับสมมุติฐานการวิจัยข้อที่ 1

2. รูปแบบการสอน โดยการบูรณาการ การสอนแบบแผนภาพลำดับเหตุการณ์กับการสอนแบบ KWL-Plus เพื่อพัฒนาความสามารถในการเขียนสรุปความภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีประสิทธิภาพ เท่ากับ 85.55/84.53 และ 85.14/85.16 และมีดัชนีประสิทธิผล เท่ากับ 0.68 และ 0.69 ตามลำดับ ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้

3. ความสามารถในการเขียนสรุปความภาษาไทย ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่เรียนโดยใช้รูปแบบการสอน โดยการบูรณาการ การสอนแบบแผนภาพลำดับเหตุการณ์กับการสอนแบบ KWL-Plus หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติทีระดับ .01

4. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่เรียนโดยใช้รูปแบบการสอน โดยการบูรณาการ การสอนแบบแผนภาพลำดับเหตุการณ์กับการสอนแบบ KWL-Plus เพื่อพัฒนาความสามารถในการเขียนสรุปความภาษาไทย มีความพึงพอใจในการเรียนรู้ อยู่ในระดับมาก โดยมีค่าเฉลี่ย 4.38 ซึ่งนักเรียนมีความคิดเห็นว่า แต่ละกิจกรรมมีคำชี้แจงให้ปฏิบัติกิจกรรมเป็นขั้นตอนชัดเจน เข้าใจง่าย ไม่สับสน อยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมาคือนิทานที่ประกอบในแต่ละบทเรียนน่าสนใจและชวนติดตาม และมีการทดสอบทุกแผนการเรียนรู้ ตามลำดับ

โพสต์โดย แดง : [21 ม.ค. 2559 เวลา 10:01 น.]
อ่าน [4116] ไอพี : 180.183.65.31
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โพสต์โดย

คุณ -

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 8,886 ครั้ง
ห้องเรียนสีดำ : ตูนส์ศึกษา โดย ครรชิต มนูญผล
ห้องเรียนสีดำ : ตูนส์ศึกษา โดย ครรชิต มนูญผล

เปิดอ่าน 40,245 ครั้ง
การจัดการศึกษาในโรงเรียนแบบเชิญชวน
การจัดการศึกษาในโรงเรียนแบบเชิญชวน

เปิดอ่าน 24,473 ครั้ง
สอนออนไลน์ง่ายขึ้นด้วยโปรแกรม ClassPoint บน PowerPoint
สอนออนไลน์ง่ายขึ้นด้วยโปรแกรม ClassPoint บน PowerPoint

เปิดอ่าน 9,906 ครั้ง
10 ความเข้าใจผิดๆ กับเรื่องอาหาร
10 ความเข้าใจผิดๆ กับเรื่องอาหาร

เปิดอ่าน 10,626 ครั้ง
ภูมิปัญญา "การแพทย์แผนไทย" สู้ภัยร้อนจัดของประเทศ
ภูมิปัญญา "การแพทย์แผนไทย" สู้ภัยร้อนจัดของประเทศ

เปิดอ่าน 76,990 ครั้ง
ความสำคัญของงานกราฟิก
ความสำคัญของงานกราฟิก

เปิดอ่าน 54,811 ครั้ง
แผนที่แสดงอัตราการ ขาด-เกิน ข้าราชการครู/พนักงานราชการ (ภาพจังหวัด)
แผนที่แสดงอัตราการ ขาด-เกิน ข้าราชการครู/พนักงานราชการ (ภาพจังหวัด)

เปิดอ่าน 2,469 ครั้ง
อุตสาหกรรมยุคใหม่ ทำไมต้องเข้าใจเรื่อง Smart Warehouse
อุตสาหกรรมยุคใหม่ ทำไมต้องเข้าใจเรื่อง Smart Warehouse

เปิดอ่าน 16,598 ครั้ง
แก้รอยสิวด้วยน้ำผึ้งและแอปเปิ้ล
แก้รอยสิวด้วยน้ำผึ้งและแอปเปิ้ล

เปิดอ่าน 12,088 ครั้ง
พบรอยเท้าไดโนเสาร์ อายุกว่า 200 ล้านปี
พบรอยเท้าไดโนเสาร์ อายุกว่า 200 ล้านปี

เปิดอ่าน 11,941 ครั้ง
ผงะนมเสียผุดก๊าซพิษร้ายเทียบเท่า"ควันรถ"
ผงะนมเสียผุดก๊าซพิษร้ายเทียบเท่า"ควันรถ"

เปิดอ่าน 14,287 ครั้ง
10 อาหารดำ กินแล้วดีต่อสุขภาพ
10 อาหารดำ กินแล้วดีต่อสุขภาพ

เปิดอ่าน 8,824 ครั้ง
"สู่แสงสว่าง" หัวใจส่องเลนส์
"สู่แสงสว่าง" หัวใจส่องเลนส์

เปิดอ่าน 14,103 ครั้ง
ค้นพบล่าสุด...พบน้ำแข็งบนดาวอังคาร
ค้นพบล่าสุด...พบน้ำแข็งบนดาวอังคาร

เปิดอ่าน 44,517 ครั้ง
คณิตาสตร์กับปรากฏการณ์ธรรมชาติ
คณิตาสตร์กับปรากฏการณ์ธรรมชาติ

เปิดอ่าน 10,148 ครั้ง
เมื่อไหร่ควรพูด และเมื่อไหร่ควรเงียบ
เมื่อไหร่ควรพูด และเมื่อไหร่ควรเงียบ
เปิดอ่าน 18,533 ครั้ง
วันเข้าพรรษา...สำคัญอย่างไร
วันเข้าพรรษา...สำคัญอย่างไร
เปิดอ่าน 7,258 ครั้ง
ความคิดสร้างสรรค์ (จบ)
ความคิดสร้างสรรค์ (จบ)
เปิดอ่าน 11,634 ครั้ง
กลิ่นหอมทำให้นอนหลับฝันดี
กลิ่นหอมทำให้นอนหลับฝันดี
เปิดอ่าน 14,832 ครั้ง
ร่างกฎ ก.ค.ศ.ว่าด้วยการร้องทุกข์และการพิจารณาร้องทุกข์
ร่างกฎ ก.ค.ศ.ว่าด้วยการร้องทุกข์และการพิจารณาร้องทุกข์

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ