หัวข้อการวิจัย : การศึกษาเจตคติและปัจจัยเสี่ยงที่มีผลต่อการมีเพศสัมพันธ์หรือการตั้งครรภ์
ในวัยเรียนของนักเรียนหญิงระดับมัธยมศึกษาโรงเรียนเบญจมราชูทิศ จังหวัดปัตตานี
ชื่อผู้วิจัย : นายวันชัย ประไพเมือง
ปีการศึกษา : 2558
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาเจตคติและปัจจัยเสี่ยงที่มีผลต่อการมีเพศสัมพันธ์หรือการตั้งครรภ์ในวัยเรียนของนักเรียนหญิง ระดับมัธยมศึกษาโรงเรียนเบญจมราชูทิศ จังหวัดปัตตานี กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนหญิงในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 6 ในโรงเรียนเบญจมราชูทิศ จังหวัดปัตตานี โดยวิธีเจาะจง ได้กลุ่มตัวอย่างจำนวน 817 คน เก็บรวบรวมข้อมูลในช่วงภาคเรียนที่ 1/2558 ในชั่วโมงเรียนรายวิชาสุขศึกษา โดยใช้แบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูป ใช้สถิติเชิงพรรณาสถิติที่ใช้ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการศึกษา พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่อยู่ในช่วงอายุ 12 15 ปี (ร้อยละ 51.00) นับถือศาสนาพุทธ (ร้อยละ 55.70) บิดา-มารดาอยู่ด้วยกัน (ร้อยละ 70.00) ประกอบอาชีพค้าขาย/ธุรกิจส่วนตัว (ร้อยละ 29.10) รายได้ของครอบครัวเฉลี่ย 5,001- 9,000 บาท (ร้อยละ 27.50) มีการเลี้ยงดูแบบใช้เหตุผล (ร้อยละ 72.10) เมื่อวัดความรู้ ความเข้าใจถึงสาเหตุและการป้องกันการตั้งครรภ์ พบว่า นักเรียนมีความรู้เรื่องเพศสัมพันธ์หรือการตั้งครรภ์ (ร้อยละ 73.30) และสาเหตุการตั้งครรภ์เกิดจากตัววัยรุ่นเอง ไม่ได้ป้องกันและคุมกำเนิด (ร้อยละ 75.90) สิ่งสำคัญที่พบคือ นักเรียนจะไม่แนะนำเพื่อนให้ทำแท้ง (ร้อยละ 88.50) ด้านเจตคติเรื่องเพศสัมพันธ์หรือการตั้งครรภ์เรื่องเพศสัมพันธ์หรือการตั้งครรภ์ อยู่ในระดับที่ไม่แน่ใจ (คะแนนเฉลี่ย 2.58) พฤติกรรมที่วัยรุ่นมีเจตคติที่เหมาะสมที่สุด คือ การมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงานผู้หญิงมักเป็นฝ่ายเสียเปรียบ (คะแนนเฉลี่ย 4.10) ด้านปัจจัยส่วนบุคคลที่มีผลต่อเรื่องเพศสัมพันธ์หรือการตั้งครรภ์ มีความเหมาะสมในระดับปานกลาง (คะแนนเฉลี่ย 3.18) พฤติกรรมที่เหมาะสมในระดับมาก คือ เมื่อจะไปเที่ยวกลางคืนฉันต้องขออนุญาตผู้ปกครอง ปัจจัยด้านครอบครัว มีความเหมาะสมในระดับมากที่สุด (คะแนนเฉลี่ย 3.91) พฤติกรรมที่เหมาะสมที่สุด คือ แม่ต้องสั่งสอนลูกสาวให้เป็นสุภาพสตรี รักนวลสงวนตัว (คะแนนเฉลี่ย 4.5) ด้านปัจจัยจากกลุ่มเพื่อนที่มีผลต่อเรื่องเพศสัมพันธ์หรือการตั้งครรภ์ มีความเหมาะสมในระดับน้อย (คะแนนเฉลี่ย 2.17) พฤติกรรมที่นักเรียนเห็นด้วยมาก คือ การนัดพบเพื่อนต่างเพศที่ลับตาคนเป็นเรื่องไม่สมควร (คะแนนเฉลี่ย 3.71)
โดยสรุปผลการศึกษาวิจัย ครั้งนี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่สถานศึกษาต้องพัฒนารูปแบบการสอนเพศศึกษา จัดโปรแกรมส่งเสริมเจตคติต่อการมีเพศสัมพันธ์ในวัยเรียนทางบวก ให้ความรู้เกี่ยวกับผลจากการมีเพศสัมพันธ์ในวัยเรียน และเฝ้าระวังติดตามพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศของวัยรุ่นอย่างเหมาะสม และควรกระตุ้นให้บิดา-มารดา และผู้ปกครองให้เอาใจใส่ในกลุ่มวัยรุ่นอย่างเข้าใจและเห็นใจ
ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ตั้งกระทู้คำถามใหม่
กลับหน้าที่แล้ว
