บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อพัฒนาเอกสารประกอบการเรียนการสอน
เรื่อง ดนตรีไทย ทฤษฎีและการฝึกเป่าขลุ่ยเพียงออ (พลาสติก) กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ
สาระการเรียนรู้ดนตรี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน เมื่อใช้เอกสารประกอบการเรียนการสอน กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ (สาระดนตรี) เรื่อง ดนตรีไทย ทฤษฎีและการฝึกเป่าขลุ่ยเพียงออ (พลาสติก) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 8 เล่ม 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่มีต่อเอกสารประกอบการเรียนการสอน
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/1 ภาคเรียนที่ 2
โรงเรียนเทศบาล 2 อิสาณธีรวิทยาคาร อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ ปีการศึกษา 2557 จำนวน 1 ห้อง มีจำนวนนักเรียนทั้งสิ้น 42 คน ซึ่งได้มาโดยวิธีเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เวลาที่ใช้ในการทดลอง 10 ชั่วโมง
เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือ แผนการจัดการเรียนรู้ เอกสารประกอบ การเรียนการสอน แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบบสอบถามความคิดเห็นของนักเรียน ที่ใช้เอกสารประกอบการเรียนการสอน การวิเคราะห์ข้อมูลใช้ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าความแปรปรวน ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบสมมติฐานโดยใช้ t - test
ผลการวิจัยพบว่า
1. เอกสารประกอบการเรียนการสอน กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ (สาระดนตรี) เรื่อง ดนตรีไทย ทฤษฎีและการฝึกเป่าขลุ่ยเพียงออ (พลาสติก) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่มีการปรับปรุงแก้ไขมาตามลำดับ ทั้ง 8 เล่ม มีประสิทธิภาพ 91.89/88.33
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ (สาระดนตรี) เรื่อง ดนตรีไทย ทฤษฎีและการฝึกเป่าขลุ่ยเพียงออ (พลาสติก) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่เรียนโดยใช้เอกสารประกอบการเรียนการสอนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3. การวิเคราะห์ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อเอกสารประกอบการเรียนการสอน กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ (สาระดนตรี) เรื่อง ดนตรีไทย ทฤษฎีและการฝึกเป่าขลุ่ยเพียงออ (พลาสติก) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 พบว่ามีความพึงพอใจในระดับเหมาะสมมาก มีค่าเฉลี่ย 2.68 คิดเป็นร้อยละ 89.42