ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การศึกษาผลการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ด้วยรูปแบบกลุ่มร่วมมือ เทคนิค TAI เรื่อง อัตราส่วน สัดส่วนและร้อยละ สาหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1

ชื่อเรื่อง การศึกษาผลการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ด้วยรูปแบบกลุ่มร่วมมือ เทคนิคTAI เรื่อง อัตราส่วน สัดส่วนและร้อยละ สาหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1

ผู้วิจัย นางพรรณีเถาว์ทิพย์

ตำแหน่ง ครู

วิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ

สังกัด โรงเรียนพระธาตุขามแก่นพิทยาลัย ตำบลบ้านขาม อำเภอน้าพอง จังหวัดขอนแก่น

สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น

บทคัดย่อ

การศึกษาผลการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ด้วยรูปแบบกลุ่มร่วมมือ เทคนิค TAI เรื่อง อัตราส่วน สัดส่วนและร้อยละ สำหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เป็นการจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม สติปัญญามีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเรียนรู้และส่งเสริมความร่วมมือภายในกลุ่ม ตลอดจนการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม ส่งผลให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ดังนั้น การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ของการศึกษา ดังนี้ 1) เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพชุดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ด้วยรูปแบบกลุ่มร่วมมือ เทคนิค TAI เรื่อง อัตราส่วน สัดส่วนและร้อยละ สำหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ตามเกณฑ์ 80/80 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ด้วยรูปแบบกลุ่มร่วมมือ เทคนิค TAI เรื่อง อัตราส่วน สัดส่วนและร้อยละ สำหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนรู้ด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ด้วยรูปแบบกลุ่มร่วมมือ เทคนิค TAI เรื่อง อัตราส่วน สัดส่วนและร้อยละ สำหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 โรงเรียนพระธาตุขามแก่นพิทยาลัย สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น จำนวน 20 คน ใช้วิธีการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย มี 4 ชนิด ดังนี้ 1) ชุดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ด้วยรูปแบบกลุ่มร่วมมือ เทคนิค TAI เรื่อง อัตราส่วน สัดส่วนและร้อยละ สำหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จานวน 8 ชุด มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด (x̄= 4.54 , S.D.=0.65) 2) แผนการจัดการเรียนรู้ด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ด้วยรูปแบบกลุ่มร่วมมือ เทคนิค TAI เรื่อง อัตราส่วน สัดส่วนและร้อยละ สำหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จานวน 8 แผน มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด (x̄ = 4.52 , S.D.=0.63) 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง อัตราส่วน สัดส่วนและร้อยละ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เป็นแบบปรนัย ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ มีค่าอำนาจจำแนก ตั้งแต่ 0.33 ถึง 0.83 ค่าความยากง่าย ตั้งแต่ 0.58 ถึง 0.75 ค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.91 4) แบบวัดความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ด้วยรูปแบบกลุ่มร่วมมือ เทคนิค TAI เรื่อง อัตราส่วน สัดส่วนและร้อยละ สำหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ซึ่งเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ (Rating Scale) จำนวน 25 ข้อ มีค่าอำนาจจำแนกรายข้อ ตั้งแต่ 0.28ถึง 0.88 ค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.94 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน

ผลการวิจัยปรากฏดังนี้

1. ชุดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ด้วยรูปแบบกลุ่มร่วมมือ เทคนิค TAI เรื่อง อัตราส่วน สัดส่วนและร้อยละ สำหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีประสิทธิภาพ เท่ากับ 80.85/80.33 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ คือ 80/80

2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ด้วยรูปแบบกลุ่มร่วมมือ เทคนิค TAI เรื่อง อัตราส่วน สัดส่วนและร้อยละ สำหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่เรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ด้วยรูปแบบกลุ่มร่วมมือ เทคนิค TAI เรื่อง อัตราส่วน สัดส่วนและร้อยละ มีคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียน เท่ากับ 17.95 คะแนนเฉลี่ยหลังเรียน เท่ากับ 24.10 จากคะแนนเต็ม 30 คะแนน และมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

3. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ด้วยรูปแบบกลุ่มร่วมมือ เทคนิค TAI เรื่อง อัตราส่วน สัดส่วนและร้อยละ สำหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (x̄ = 4.52 , S.D.=0.62) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านเรียงลำดับจากมากไปหาน้อย พบว่า ด้านปัจจัยนาเข้ามีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด (x̄ = 4.55 , S.D.=0.62) ด้านผลผลิต มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด (x̄ = 4.54 , S.D.=0.61) ด้านกระบวนการมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด (x̄ = 4.50 , S.D.=0.61) ตามลำดับ สอดคล้องกับสมมติฐานการศึกษาข้อที่ 2.3

โดยสรุป การใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ด้วยรูปแบบกลุ่มร่วมมือ เทคนิค TAI เรื่อง อัตราส่วน สัดส่วนและร้อยละ สาหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ได้ผลการวิจัยที่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการศึกษาของการวิจัยที่ตั้งไว้ ซึ่งสรุปได้ว่า ชุดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ด้วยรูปแบบกลุ่มร่วมมือ เทคนิค TAI เรื่อง อัตราส่วน สัดส่วนและร้อยละ สำหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่ผู้ศึกษาสร้างขึ้น เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพเหมาะที่จะนำไปใช้จัดกิจกรรมการเรียนรู้ในรายวิชาคณิตศาสตร์ เพราะสามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้เรียน ทำให้ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น

โพสต์โดย ครูพรรณี : [21 มี.ค. 2566 เวลา 10:19 น.]
อ่าน [1661] ไอพี : 159.192.139.90
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 827 ครั้ง
UNESCO ประกาศขึ้นทะเบียน "สงกรานต์ไทย" เป็นรายการตัวแทนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ
UNESCO ประกาศขึ้นทะเบียน "สงกรานต์ไทย" เป็นรายการตัวแทนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ

เปิดอ่าน 15,316 ครั้ง
เทคนิคการแก้ปัญหา "รูขุมขนกว้าง"
เทคนิคการแก้ปัญหา "รูขุมขนกว้าง"

เปิดอ่าน 10,340 ครั้ง
10 ท่ากระชับสัดส่วนสวย
10 ท่ากระชับสัดส่วนสวย

เปิดอ่าน 11,942 ครั้ง
ลูกขี้อาย ... ทำอย่างไรดี?
ลูกขี้อาย ... ทำอย่างไรดี?

เปิดอ่าน 17,926 ครั้ง
อ.เจษฎา ชี้พระนั่งในน้ำเดือด เป็นแค่กลทางวิทยาศาสตร์
อ.เจษฎา ชี้พระนั่งในน้ำเดือด เป็นแค่กลทางวิทยาศาสตร์

เปิดอ่าน 11,546 ครั้ง
5 สไตล์การกินเพื่อสุขภาพดี
5 สไตล์การกินเพื่อสุขภาพดี

เปิดอ่าน 25,456 ครั้ง
The 90/90 Standard
The 90/90 Standard

เปิดอ่าน 24,638 ครั้ง
สอนออนไลน์ง่ายขึ้นด้วยโปรแกรม ClassPoint บน PowerPoint
สอนออนไลน์ง่ายขึ้นด้วยโปรแกรม ClassPoint บน PowerPoint

เปิดอ่าน 5,294 ครั้ง
JobsDB แนะทริคสมัครงานสำหรับเด็กจบใหม่  ทำอย่างไรให้ HR สนใจเรียกสัมภาษณ์งาน
JobsDB แนะทริคสมัครงานสำหรับเด็กจบใหม่ ทำอย่างไรให้ HR สนใจเรียกสัมภาษณ์งาน

เปิดอ่าน 19,313 ครั้ง
สมุนไพร"บัวบก"คุณค่าที่มากกว่าแก้ช้ำใน
สมุนไพร"บัวบก"คุณค่าที่มากกว่าแก้ช้ำใน

เปิดอ่าน 13,186 ครั้ง
ปฏิทินศิลปวัฒนธรรมในรอบปี 2552
ปฏิทินศิลปวัฒนธรรมในรอบปี 2552

เปิดอ่าน 17,342 ครั้ง
ใช้ข้อสอบเดียวกันตัดสินเด็กทั้งประเทศ ยุติธรรมแล้วหรือ!
ใช้ข้อสอบเดียวกันตัดสินเด็กทั้งประเทศ ยุติธรรมแล้วหรือ!

เปิดอ่าน 14,322 ครั้ง
พจนานุกรมฟิสิกส์
พจนานุกรมฟิสิกส์

เปิดอ่าน 29,257 ครั้ง
ดื่ม"ชามะเขือพวง" ต้านเบาหวาน-มะเร็ง
ดื่ม"ชามะเขือพวง" ต้านเบาหวาน-มะเร็ง

เปิดอ่าน 18,268 ครั้ง
เริ่มแล้ว! กล้องไฮเทค จับผิด 30 แยกทั่วกรุงเทพฯ
เริ่มแล้ว! กล้องไฮเทค จับผิด 30 แยกทั่วกรุงเทพฯ

เปิดอ่าน 15,541 ครั้ง
ระเบียบการเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทน พ.ศ.๒๕๔๗
ระเบียบการเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทน พ.ศ.๒๕๔๗
เปิดอ่าน 18,554 ครั้ง
เชื่อทางช้างเผือก มีดาวเหมือนโลกนับร้อยดวง
เชื่อทางช้างเผือก มีดาวเหมือนโลกนับร้อยดวง
เปิดอ่าน 17,261 ครั้ง
จำได้ไหม ย้อนวันวานของอาจารย์ "กาญจนา นาคสกุล" ราชบัณฑิต
จำได้ไหม ย้อนวันวานของอาจารย์ "กาญจนา นาคสกุล" ราชบัณฑิต
เปิดอ่าน 9,015 ครั้ง
ประวัติความเป็นมา วันแม่
ประวัติความเป็นมา วันแม่
เปิดอ่าน 8,782 ครั้ง
สกว. แฉอันตรายเส้นก๋วยเตี๋ยว
สกว. แฉอันตรายเส้นก๋วยเตี๋ยว

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ