ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
วิจัยในชั้นเรียนเรื่อง พัฒนาทักษะการศึกษาเรียนรู้แผนที่ประเทศไทยโดยใช้เกมจิ๊กซอว์ในนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ โรงเรียนบ้านตบหู ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๕

ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา

วัยเด็กตอนกลาง (middle childhood) คือ ช่วงวัยของเด็กที่มีอายุ ๖-๑๒ ปี โดยช่วงวัยนี้นับว่าเป็นช่วงวัยที่มีความสำคัญต่อการเรียนรู้ และพัฒนาทักษะด้านต่าง ๆ ของเด็ก ไม่ว่าจะเป็นทักษะในการดำเนินชีวิต พัฒนาการทางอารมณ์ พัฒนาการทางสติปัญญา รวมถึงการดูดซับวัฒนธรรมและสิ่งที่รายล้อมอยู่รอบตัว เด็กที่ได้รับการกระตุ้นจนเกิดพัฒนาการอย่างเหมาะสมในช่วงวัยนี้จะนำไปสู่การพัฒนาที่ดีเมื่อเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นต่อไป ช่วงวัยดังกล่าวเป็นช่วงวัยที่การทำงานของสมอง มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วเด็กจะมีความอยากรู้อยากเห็นสามารถจดจำเหตุการณ์ต่าง ๆที่ผ่านมาได้เป็นอย่างดีมีความสนใจที่จะดำเนินการกิจกรรมต่าง ๆ และพยายามดำเนินการสิ่งที่สนใจนั้นให้สำเร็จลุล่วงไปได้ ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่มาของการพัฒนาสื่อการเรียนการสอนในรูปแบบเกมเสริมทักษะการอ่านแผนผังแผนที่สำหรับนักเรียนระดับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่๓ ซึ่งจัดเป็นเกมคอมพิวเตอร์ในกลุ่ม “เกมทางการศึกษา”(educational game) ที่มีวัตถุประสงค์ในการพัฒนาเพื่อเพิ่มศักยภาพในการเรียนรู้และเพื่อเสริมทักษะด้านต่าง ๆ ของเด็ก เช่น ทักษะการสังเกตและจำ ตำแหน่งที่ตั้งของสถานที่โดยต้นแบบเกมที่นำมาใช้พัฒนาตามกรอบการวิจัยนี้ได้นำเนื้อหาบางส่วนที่ปรากฏในแบบเรียนวิชาสังคมของนักเรียนระดับประถมศึกษาที่๒ มานำเสนอในรูปแบบภาพแผนที่ประเทศไทยสามารถเลือกภาคต่างๆได้สามารถคำนวณเวลาและการคิดร้อยละของการเล่นเกมที่คลิกถูกหรือผิดเป็นองค์ประกอบในการเล่นเกมในแต่ละครั้งเพื่อบอกผลการเล่นว่าแต่ละคนที่เล่นเสร็จแล้วได้ผลการเล่นคิดเป็นร้อยละเท่าไรใช้เวลาในการเล่นใช้ไปเท่าไรซึ่งบอกผลการแข่งขันได้ทันที

โดยผู้วิจัยได้ผลิตสื่อเกมการศึกษา (เกมจิ๊กซอว์แผนที่) มาใช้ประกอบการเรียนการสอนในวิชาสังคมศึกษา ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ทางภูมิศาสตร์ที่มีความท้าทายด้วยการต่อจิ๊กซอว์และทำแบบทดสอบอให้ผู้เรียนได้เรียนรู้เกี่ยวกับแผนที่ประเทศไทย ทั้งนี้เพื่อเป็นการเริ่มต้นสร้างพื้นฐานที่นำไปสู่การคิดขั้นสูงซึ่งเป็นหลักการสำคัญของการศึกษาในศตวรรษที่๒๑ยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งเสริมความสำเร็จให้แก่ผู้เรียน

จุดประสงค์

๑.เพื่อใช้เกมจิ๊กซอว์เป็นสื่อประกอบการเรียนสอน ที่สามารถการพัฒนาทักษะการอ่านแผนผัง แผนที่ประเทศไทยได้และเพิ่มผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนให้สูงขึ้น ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ โรงเรียนบ้านตบหูได้

ประชากร/กลุ่มตัวอย่าง

นักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ โรงเรียนบ้านตบหูจำนวน ๓ คน

นวัตกรรม/เครื่องมือ

การวิจัยครั้งนี้วิจัยได้นำเกม เกมจิ๊กซอว์ มาเป็นเครื่องมือในการวิจัยและแบ่งการประมวลผลออกเป็น๒ครั้งคือก่อนเรียนและหลังเรียนแล้วนำผลร้อยละของความสำเร็จในการเล่นเกมมาเปรียบเทียบก่อนเรียนและหลังเรียน

วิธีดำเนินการ

ผู้วิจัยดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

- ดำเนินการสอนตามหน่วยการสอน โดยสอดแทรก เกมการศึกษา(เกมจิ๊กซอว์)ในวิชาสังคมศึกษาช่วงท้ายของการเรียนการสอนในคาบนั้นๆใช้เวลาประมาณ๑๐นาที

- ขั้นเตรียมความพร้อม แนะนำวิธีการเล่น เกมจับคู่ภาพและคำ เกมการศึกษา(เกมจิ๊กซอว์))ในวิชาสังคมศึกษาเพื่อกระตุ้นความสนใจและทดสอบก่อนเรียน

- ขั้นดำเนินการสอน โดยมีกิจกรรมหลักคือเกมการศึกษา(เกมจิ๊กซอว์)เป็นการสร้างองค์ความรู้ไปพร้อมๆกันระหว่างผู้สอน(ผู้วิจัย) และผู้เรียน การเรียนโดยยึดหลักการของสมองเมื่อทำซ้ำๆและคิดย้อนกลับสมองจะเกิดการจดจำอย่างถาวรและการนำความรู้พื้นฐานที่ได้รับไปใช้ในการคิดวิเคราะห์หรือการคิดในระดับที่สูงขึ้นต่อไป

- ขั้นสรุปและประเมินผล ผู้วิจัยนำข้อมูลร้อยละของความสำเร็จในการเล่นเกมแต่ละครั้งมาหาค่าเฉลี่ยและนำข้อมูลร้อยละของการทำแบบทดสอบก่อนเรียนหลังเรียนพร้อมทั้งให้ผู้เรียนสรุป ซักถามข้อสงสัยต่างๆ

- นำข้อมูลที่ได้รับ มาวิเคราะห์ข้อมูลและอภิปรายสรุปผล

ผลการวิจัย

การสรุปผลการวิจัยมาจากการประมวลผลตามเกณฑ์โดยประเมินทั้งสิ้น ๒ ส่วน คือส่วนที่ ๑ เล่นเกมเป็นครั้งแรกแล้วให้ทำแบบทดสอบก่อนเรียนนำร้อยละของคะแนนการทดสอบ มาหาค่าเฉลี่ยเป็น๓ คน ส่วนที่ ๒ เล่นเกมเป็นครั้งสุดท้ายแล้วนำร้อยละของคะแนนการทดสอบทดสอบหลังเรียนมาหาค่าเฉลี่ย ๓คน ซึ่งผลการวิจัยปรากฏว่า การเล่นครั้งแรกของทุกทีมมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ ๓๖.๖๖% และการเล่นครั้งสุดท้ายของทุกทีมมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ ๘๐.๐๐% แสดงว่าการเล่นเกมแผนที่มีส่วนในการพัฒนาอ่านและจดจำตำแหน่งของจังหวัดในแต่ละภาคในแผนที่ประเทศไทยได้ดีขึ้นมากโดยไม่รู้ตัวและไม่รู้สึกเบื่อในการเรียน ทำให้ผู้วิจัยอยากนำมาใช้ต่อกับกลุ่มตัวอย่างใหม่ในปีต่อไป

โพสต์โดย ครูนัน : [1 ม.ค. 2566 เวลา 13:58 น.]
อ่าน [2004] ไอพี : 223.205.240.50
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 735 ครั้ง
ความหมายของรังสี กัมมันตภาพรังสี และธาตุกัมมันตรังสี
ความหมายของรังสี กัมมันตภาพรังสี และธาตุกัมมันตรังสี

เปิดอ่าน 11,107 ครั้ง
พระคุณแม่ (ตอนที่ 2)
พระคุณแม่ (ตอนที่ 2)

เปิดอ่าน 15,331 ครั้ง
โรคฉี่หนู เชื้อร้ายที่มากับน้ำท่วม
โรคฉี่หนู เชื้อร้ายที่มากับน้ำท่วม

เปิดอ่าน 33,975 ครั้ง
ปลิงหรือทากกัด
ปลิงหรือทากกัด

เปิดอ่าน 11,084 ครั้ง
คุณมีความลับในการใช้งานคอมพิวเตอร์หรือไม่
คุณมีความลับในการใช้งานคอมพิวเตอร์หรือไม่

เปิดอ่าน 9,108 ครั้ง
มติ ครม. เห็นชอบลงทะเบียนซิมเติมเงิน-ฟรี Wi-Fi เป็นวาระแห่งชาติ
มติ ครม. เห็นชอบลงทะเบียนซิมเติมเงิน-ฟรี Wi-Fi เป็นวาระแห่งชาติ

เปิดอ่าน 8,573 ครั้ง
ปิดตำนาน Geocities ผู้แพ้ในโลกอินเตอร์เน็ต
ปิดตำนาน Geocities ผู้แพ้ในโลกอินเตอร์เน็ต

เปิดอ่าน 32,241 ครั้ง
พืชกับศิลปะไทยโบราณ
พืชกับศิลปะไทยโบราณ

เปิดอ่าน 14,282 ครั้ง
16 กันยายน วันโอโซนโลก
16 กันยายน วันโอโซนโลก

เปิดอ่าน 29,728 ครั้ง
การวัดระยะทางบนพื้นราบ
การวัดระยะทางบนพื้นราบ

เปิดอ่าน 41,112 ครั้ง
ประโยชน์ 5 ข้อของการรีไฟแนนซ์บ้าน
ประโยชน์ 5 ข้อของการรีไฟแนนซ์บ้าน

เปิดอ่าน 11,776 ครั้ง
รักษารองเท้าหน้าฝน
รักษารองเท้าหน้าฝน

เปิดอ่าน 10,855 ครั้ง
มะเร็งปากมดลูก
มะเร็งปากมดลูก

เปิดอ่าน 12,967 ครั้ง
กลูตาไธโอน มีมากกว่าทำให้หน้าใส
กลูตาไธโอน มีมากกว่าทำให้หน้าใส

เปิดอ่าน 5,554 ครั้ง
รายชื่อ 31 จังหวัด เตรียมนำร่องถอดหน้ากากอนามัย ที่ไหนบ้างเช็กเลย !
รายชื่อ 31 จังหวัด เตรียมนำร่องถอดหน้ากากอนามัย ที่ไหนบ้างเช็กเลย !

เปิดอ่าน 13,892 ครั้ง
10 อันตรายทลายโลก จากเทคโนโลยี
10 อันตรายทลายโลก จากเทคโนโลยี
เปิดอ่าน 152,856 ครั้ง
ศัพท์กฏหมายภาษาอังกฤษน่ารู้
ศัพท์กฏหมายภาษาอังกฤษน่ารู้
เปิดอ่าน 11,786 ครั้ง
ผลสำรวจชี้มนุษย์ทำงาน 63% เห็นว่าการทำงาน 8 ชั่วโมงต่อวันเป็นเรื่อง "ล้าสมัย"
ผลสำรวจชี้มนุษย์ทำงาน 63% เห็นว่าการทำงาน 8 ชั่วโมงต่อวันเป็นเรื่อง "ล้าสมัย"
เปิดอ่าน 17,445 ครั้ง
ประโยชน์ของ "ผักแพว"
ประโยชน์ของ "ผักแพว"
เปิดอ่าน 15,939 ครั้ง
ชุมเห็ดเทศ
ชุมเห็ดเทศ

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ