ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
เอกสารประกอบการเรียน เรื่อง การเขียนโปรแกรมด้วย Scratch กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4

จากการเอกสารประกอบการเรียน เรื่อง การเขียนโปรแกรมด้วย Scratch กลุ่มสาระ การเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 สามารถอภิปรายผลได้ ดังนี้

1. เอกสารประกอบการเรียน เรื่อง การเขียนโปรแกรมด้วย Scratch กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่พัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพเท่ากับ 81.66/82.35หมายความว่า นักเรียนได้คะแนนเฉลี่ยทั้งหมดจากการทำกิจกรรมระหว่างเรียนเฉลี่ยร้อยละ 82.35และคะแนนเฉลี่ยจากการทดสอบหลังเรียนเฉลี่ยร้อยละ 81.66 แสดงว่า เอกสารประกอบการเรียน เรื่อง การเขียนโปรแกรมด้วย Scratch กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่ผู้ศึกษาค้นคว้าพัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ คือ 80/80 ทั้งนี้เนื่องจากการใช้เอกสารประกอบการเรียนเร้าความสนใจของนักเรียนทำให้นักเรียนมีความกระตือรือร้นในการทำแบบฝึกหัด สนุกกับบทเรียนทำให้เกิดความรู้ความเข้าใจในบทเรียนได้ดียิ่งขึ้น เนื้อหามีความทันสมัย มีความยากง่ายเหมาะสม รูปเล่มของเอกสารประกอบการเรียนมีขนาด ที่เหมาะสม มีภาพประกอบน่าสนใจ ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของ Uttra [14] ได้ทำการวิจัย เรื่อง การพัฒนาบทเรียน ออนไลน์เรื่อง การเขียนโปรแกรมโดยใช้คำสั่งวนซ้ำ สำหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ผลการวิจัยพบว่า บทเรียนออนไลน์เรื่อง การเขียนโปรแกรมโดยใช้คำสั่งวนซ้ำ มีประสิทธิภาพ (E1/E2) เท่ากับ 88.44/83.00 เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด และสอดคล้องกับ งานวิจัยของ Tummachart [15] ได้ทำการวิจัยเรื่อง เรื่อง การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ความสามารถในการแก้ปัญหา และการคิดวิเคราะห์ระหว่างการเรียนด้วยบทเรียนออนไลน์แบบใช้ปัญหาเป็นฐานกับบทเรียนแบบเว็บเควสท์ เรื่องการเขียน โปรแกรมภาษาซีเบื้องต้น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ผลการวิจัยพบว่า บทเรียนออนไลน์ร่วมกับเทคโนโลยีคิวอาร์โค้ด วิชาการจัดการ เรียนรู้สำหรับนักศึกษา หลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิต มีประสิทธิภาพ (E1/ E2) เท่ากับ 83.48/83.30

1.1 เอกสารประกอบการเรียน เรื่อง การเขียนโปรแกรมด้วย Scratch กลุ่มสาระ การเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่สร้างขึ้นผู้ศึกษาค้นคว้าได้ศึกษาเอกสารตำราวิเคราะห์สาระการเรียนรู้และขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญแล้วจึงดำเนินการสร้างเอกสารประกอบการเรียน นักเรียนสามารถศึกษาค้นคว้าได้ด้วยตนเองมีรูปภาพประกอบสวยงามทำให้นักเรียนเกิดความกระตือรือร้นสนุกสนานในการเรียน นักเรียนได้ฝึกฝนกระบวนการคิดในการทำแบบฝึกหัดของตนเอง

1.2 การดำเนินการสอนผู้ศึกษาค้นคว้าได้จัดการเรียนการสอน โดยยึดผู้เรียนเป็นสำคัญคำนึงถึงพื้นฐานของความแตกต่างของผู้เรียนโดยให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนเน้นกระบวน การแก้ปัญหาโดยการลงมือปฏิบัติจริงด้วยตนเองและกระบวนการกลุ่มผู้เรียนได้แสดงความคิดเห็นของตนเองรู้จักการยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นอดทนเสียสละและช่วยเหลือผู้อื่น

1.3 เอกสารประกอบการเรียน เรื่อง การเขียนโปรแกรมด้วย Scratch กลุ่มสาระ การเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เป็นกระบวนการเรียนรู้ที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้กำหนดสาระ และประเด็นปัญหาขึ้นตามความสนใจ เพื่อค้นหาคำตอบด้วยตนเอง ซึ่งไม่ใช่เฉพาะเพียงให้นักเรียนได้เรียนรู้ทางวิชาการเท่านั้น แต่ยังเป็นการฝึกทักษะกระบวนการทัศนคติ ซึ่งจะช่วยให้นักเรียนเรียนรู้กระบวนแก้ปัญหาที่ถูกต้องด้วย (กลั่นแก้ว ประชุมแดง, 2544 : 96-97)

จากเหตุผลดังกล่าว ทำให้เอกสารประกอบการเรียน เรื่อง การเขียนโปรแกรมด้วย Scratch

กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 ที่กำหนดและมีความเหมาะสมที่จะนำไปใช้ในการเรียนการสอนได้

2. ดัชนีประสิทธิผลของเอกสารประกอบการเรียน เรื่อง การเขียนโปรแกรมด้วย Scratch กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 พบว่า มีค่าดัชนีประสิทธิผลเท่ากับ 0.5544 หรือร้อยละ 0.5544 แสดงว่า ผู้เรียนมีความรู้ ความก้าวหน้าและพัฒนาการทาง การเรียนเพิ่มขึ้นร้อยละ 55.44 เนื่องจากเอกสารประกอบการเรียน เรื่อง การเขียนโปรแกรมด้วย Scratch กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้นักเรียนได้ฝึกทักษะกระบวนการ ท้าทายความสามารถของผู้เรียนกระตุ้นให้นักเรียนคิดแก้ปัญหาในสิ่งที่กำลังเผชิญอยู่โดยคิดเป็นกระบวนการและเป็นขั้นตอน มุ่งเน้นให้ทุกคนในกลุ่มมีส่วนร่วมในการทำงานให้บรรลุเป้าหมายเดียวกัน ใช้วัสดุอุปกรณ์และสื่อต่าง ๆ ร่วมกันทุกคนต่างตระหนักว่าตนเป็นส่วนสำคัญของกลุ่ม ความสำเร็จของตนคือความสำเร็จของกลุ่มประสบความสำเร็จร่วมกัน และได้รับรางวัลร่วมกันได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกันแล้วสรุปเป็นความคิดรวบยอด นักเรียนค้นพบความรู้ด้วยตังเอง โดยครูเป็นเพียงผู้ชี้แนะเท่านั้น หลังจากฝึกผู้เรียนได้ทราบผลทำให้ผู้เรียนเกิดแรงจูงใจที่จะศึกษาในเนื้อหาอื่น ๆ ต่อไป และประสบผลสำเร็จในการเรียนจากการศึกษาค้นคว้าแสดงให้เห็นว่าเอกสารประกอบ การเรียน เรื่อง การเขียนโปรแกรมด้วย Scratch กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นการพัฒนาตนเองอย่างมีประสิทธิภาพ โดยครูผู้สอนเป็นเพียงผู้คอยให้ความช่วยเหลือเท่านั้นจึงทำให้นักเรียนมีความรู้หรือพัฒนาการเรียนรู้เพิ่มขึ้นหลังจากที่เรียนรู้ตามกระบวนการดังกล่าว

3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ต่อเอกสารประกอบการเรียน เรื่อง การเขียนโปรแกรมด้วย Scratch กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีคะแนนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 แสดงให้เห็นว่าเอกสารประกอบ การเรียน เรื่อง การเขียนโปรแกรมด้วย Scratch กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ส่งผลให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ สามารถพัฒนานักเรียนให้เกิดการเรียนรู้ ความสามารถบรรลุตามวัตถุประสงค์ สามารถสร้างแรงจูงใจให้กับนักเรียน ทำให้นักเรียนมีความกระตือรือร้น อยากเรียนมีความสนุกสนานและตื่นเต้นซึ่งสอดคล้องกับการศึกษาของสุธารัตน์ อุทัยแสง (2556 : 74) ที่ได้ทำการพัฒนาเอกสารประกอบการเรียนการสอนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ Amazing Grammar ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ผลการศึกษาพบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังเรียนด้วยเอกสารประกอบการเรียนการสอนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ Amazing Grammar สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 จากการศึกษาค้นคว้าแสดงให้เห็นว่าเอกสารประกอบการเรียน เรื่อง การสร้างงานนำเสนอด้วยโปรแกรม Microsoft PowerPoint 2013 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นกิจกรรมที่สอดคล้องกับธรรมชาติของวิชา ช่วยให้นักเรียนได้สร้างกระบวนการในการคิด วิเคราะห์ และสังเคราะห์ความรู้ที่ได้รับฝึกทักษะการใช้ชีวิต เกิดความความสนใจ สนุกสนาน เพลิดเพลิน ส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนสูงขึ้นตามไปด้วยสอดคล้องกับทฤษฎีการเชื่อมโยงของธอร์นไดค์ เรื่อง กฎแห่งการฝึกหัด (Law of Exercise) ที่กล่าวว่าการฝึกหัดหรือกระทำบ่อย ๆ ด้วยความเข้าใจจะทำให้การเรียนรู้นั้นคงทนถาวรถ้าไม่ได้กระทำซ้ำบ่อย ๆ การเรียนรู้นั้นจะไม่คงทนถาวรและในที่สุดอาจลืมได้ ส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนสูงขึ้นตามไปด้วย

4. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่ใช้เอกสารประกอบการเรียน เรื่อง การเขียนโปรแกรมด้วย Scratch กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีความพึงพอใจโดยรวมมีค่าเฉลี่ย 4.51 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.08 แสดงว่าผู้เรียนมีความพึงพอใจต่อเอกสารประกอบการเรียน เรื่อง การเขียนโปรแกรมด้วย Scratch กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอยู่ในระดับมากที่สุด เนื่องจากเป็นการเรียนรู้ที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนศึกษาค้นคว้าหาความรู้

ด้วยตนเอง ส่งเสริมให้ผู้เรียนฝึกทักษะกระบวนการทางสังคม เช่น ทักษะกระบวนการกลุ่ม ทักษะการเป็นผู้นำ และฝึกความรับผิดชอบ (สุวิทย์ มูลคำ และอรทัย มูลคำ, 2550 : 170) และเป็นวิธีการที่เปิดโอกาสให้นักเรียนทำงานร่วมกันเป็นกลุ่มย่อยที่คละความสามารถ กิจกรรมการเรียนส่วนมากจะให้นักเรียนเป็น ผู้ปฏิบัติค้นคว้าด้วยตนเอง ทุกคนมีการร่วมมือกันทำงานตามที่รับมอบหมายมี การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ความคิดเห็นซึ่งกันและกัน รวมถึงการเรียนรู้สภาพอารมณ์การปรับตัว เป็นแนวทางในการนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ตามความเหมาะสมแต่ละบุคคลต่อไปจากเหตุผลดังกล่าวจึงทำให้นักเรียนที่ได้รับการเรียนการสอนโดยใช้เอกสารประกอบการเรียน เรื่อง การเขียนโปรแกรมด้วย Scratch กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมีความพึงพอใจต่อกิจกรรมการเรียนรู้อยู่ในระดับมาก

จากผลการศึกษาค้นคว้าแสดงให้เห็นว่าเอกสารประกอบการเรียน เรื่อง การเขียนโปรแกรมด้วย Scratch กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีคุณภาพสามารถนำไปใช้ได้ ช่วยให้ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้นมีความก้าวหน้าและพัฒนาการทางการเรียนเพิ่มขึ้น นักเรียนมีความสามารถในการปัญหาและทักษะกระบวนการทางสังคมได้ดีขึ้น ทั้งนี้อาจเนื่องมาจากการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้

มีขั้นตอนที่น่าสนใจ ส่งเสริมกระบวนการคิดในการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบมีการจัดกิจกรรม การเรียนรู้ที่หลากหลาย ทำให้นักเรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้และเกิดความสนุกกับกิจกรรมการเรียนรู้ ทำให้ผู้เรียนไม่เกิดความเบื่อหน่ายเหมือนกระบวนการสอนแบบเดิม เป็นกระบวนการเรียนรู้ที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนค้นหาคำตอบด้วยตนเอง ซึ่งไม่ใช่เฉพาะเพียงให้นักเรียนได้เรียนรู้ ทางวิชาการเท่านั้น แต่ยังเป็นการฝึกทักษะทัศนคติ ซึ่งจะช่วยให้นักเรียนเรียนรู้กระบวนแก้ปัญหาที่ถูกต้องด้วย ซึ่งครูเป็นคนกระตุ้นให้นักเรียนเกิดความสนใจและเกิดแรงจูงใจที่จะเรียนเท่านั้น ส่งผลให้เกิดการเรียนรู้เพิ่มขึ้นอย่างน่าพอใจ ทำให้นักเรียนมีความพึงพอใจในการเรียนรู้อยู่ในระดับมากที่สุด

โพสต์โดย nudataba : [25 ส.ค. 2565 เวลา 05:24 น.]
อ่าน [1946] ไอพี : 27.145.27.57
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 18,683 ครั้ง
เคล็ดลับ จำง่าย การอ่านหนังสือเตรียมสอบครูผู้ช่วย
เคล็ดลับ จำง่าย การอ่านหนังสือเตรียมสอบครูผู้ช่วย

เปิดอ่าน 12,621 ครั้ง
 วางมินวู (Hwang Min Woo) หนูน้อยกังนัม ที่ชาวเน็ตต่างพากันหลงรัก และกล่าวถึงมากที่สุดในตอนนี้
วางมินวู (Hwang Min Woo) หนูน้อยกังนัม ที่ชาวเน็ตต่างพากันหลงรัก และกล่าวถึงมากที่สุดในตอนนี้

เปิดอ่าน 2,447 ครั้ง
ความหมายดีๆ ของการตกแต่งต้นคริสต์มาส?
ความหมายดีๆ ของการตกแต่งต้นคริสต์มาส?

เปิดอ่าน 27,499 ครั้ง
แลหลัง ผ่าปมข้อสอบคัดเลือก ผอ.-รอง ผอ.เกิดความผิดพลาด
แลหลัง ผ่าปมข้อสอบคัดเลือก ผอ.-รอง ผอ.เกิดความผิดพลาด

เปิดอ่าน 14,151 ครั้ง
ทำอย่างไรเมื่อคุณก้าวเข้าสู่วิกฤตวัยกลางคน (midlife crisis)
ทำอย่างไรเมื่อคุณก้าวเข้าสู่วิกฤตวัยกลางคน (midlife crisis)

เปิดอ่าน 13,993 ครั้ง
เนียนจริง มุขเด็ดสำหรับการหาที่จอดรถ ดูซิ เจ๊แกใช้มุขไหน?
เนียนจริง มุขเด็ดสำหรับการหาที่จอดรถ ดูซิ เจ๊แกใช้มุขไหน?

เปิดอ่าน 21,303 ครั้ง
สัตว์เลี้ยงมงคล เกื้อหนุนชะตา 12 ราศี
สัตว์เลี้ยงมงคล เกื้อหนุนชะตา 12 ราศี

เปิดอ่าน 8,072 ครั้ง
ระบบการศึกษาที่ไม่สมดุล (1)
ระบบการศึกษาที่ไม่สมดุล (1)

เปิดอ่าน 19,596 ครั้ง
ประตูบ้านให้ลาภ
ประตูบ้านให้ลาภ

เปิดอ่าน 13,293 ครั้ง
Google ฉลองครบรอบ 189 ปี เกรเกอร์ เมนเดล
Google ฉลองครบรอบ 189 ปี เกรเกอร์ เมนเดล

เปิดอ่าน 14,199 ครั้ง
คลิปผู้โดยสารโวยเมล์ 156 รอนาน ปะทะ "กระเป๋าฮาเฮ"
คลิปผู้โดยสารโวยเมล์ 156 รอนาน ปะทะ "กระเป๋าฮาเฮ"

เปิดอ่าน 18,531 ครั้ง
รับชมย้อนหลัง “รมว.ศึกษาฯ” กับนโยบายแก้ปัญหา โรงเรียน ICU จากรายการ ผชิญหน้า FaceTime (8 ก.พ. 2560)
รับชมย้อนหลัง “รมว.ศึกษาฯ” กับนโยบายแก้ปัญหา โรงเรียน ICU จากรายการ ผชิญหน้า FaceTime (8 ก.พ. 2560)

เปิดอ่าน 21,505 ครั้ง
ผอมสวยด้วยสมุนไพร..อันตรายที่ควรระวัง
ผอมสวยด้วยสมุนไพร..อันตรายที่ควรระวัง

เปิดอ่าน 11,835 ครั้ง
มาป้องกันและลดความเสี่ยงโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่กันเถอะ
มาป้องกันและลดความเสี่ยงโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่กันเถอะ

เปิดอ่าน 19,308 ครั้ง
จอดรถแบบนี้ เจ๊ซื้อใบขับขี่มาจากไหน
จอดรถแบบนี้ เจ๊ซื้อใบขับขี่มาจากไหน

เปิดอ่าน 7,774 ครั้ง
หลักเกณฑ์และวิธีการออกหนังสือรับรองการประกันคุณภาพภายนอก จาก สมศ.
หลักเกณฑ์และวิธีการออกหนังสือรับรองการประกันคุณภาพภายนอก จาก สมศ.
เปิดอ่าน 16,302 ครั้ง
ไม่ชอบออกกำลังกาย ก็แข็งแรงได้ด้วย 10 วิธีนี้
ไม่ชอบออกกำลังกาย ก็แข็งแรงได้ด้วย 10 วิธีนี้
เปิดอ่าน 10,491 ครั้ง
ออกกำลังกาย สู้หวัด 2009
ออกกำลังกาย สู้หวัด 2009
เปิดอ่าน 8,906 ครั้ง
สามัคคีทวิตเตอร์ สร้างเครือข่ายแก้วิกฤติชาติ
สามัคคีทวิตเตอร์ สร้างเครือข่ายแก้วิกฤติชาติ
เปิดอ่าน 862 ครั้ง
Intrend ให้แบบไม่ OUT กับ 5 รูปแบบการสอน Active Learning ที่ครูต้องใช้ในยุคนี้
Intrend ให้แบบไม่ OUT กับ 5 รูปแบบการสอน Active Learning ที่ครูต้องใช้ในยุคนี้

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ