ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนารูปแบบการสอนคณิตศาสตร์ตามแนวการจัดการเรียนรู้เชิงรุก เพื่อส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ เรื่อง ทศนิยมและ เศษส่วน ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1

บทคัดย่อ

กกกกกก การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนารูปแบบการสอนคณิตศาสตร์ตามแนวการจัดการเรียนรู้เชิงรุก เพื่อส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ เรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 2) เพื่อพัฒนารูปแบบการสอนคณิตศาสตร์ตามแนวการจัดการเรียนรู้เชิงรุกเพื่อส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ เรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 3) ศึกษาผลการใช้รูปแบบการสอนคณิตศาสตร์ตามแนวการจัดการเรียนรู้เชิงรุกเพื่อส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ เรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 คือ 3.1) เพื่อศึกษาความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ เรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่ได้รับจากการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการสอนคณิตศาสตร์ตามแนวการเรียนรู้เชิงรุก 3.2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ระหว่างก่อนและหลังที่ได้รับจากการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการสอนคณิตศาสตร์ตามแนวการเรียนรู้เชิงรุก และ 3.3) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการสอนคณิตศาสตร์ตามแนวการเรียนรู้เชิงรุก 4) เพื่อปรับปรุงรูปแบบการสอนคณิตศาสตร์ตามแนวการจัดการเรียนรู้เชิงรุกเพื่อส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ เรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/1 โรงเรียนเทศบาลบ้านสามเหลี่ยม ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 จำนวน 36 คน ได้มาโดยวิธีการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แบบสัมภาษณ์ครูผู้สอนรายวิชาคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษา เกี่ยวกับข้อมูลพื้นฐานการจัดการเรียนการสอนรายวิชาคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 2) แบบวิเคราะห์เอกสารข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนารูปแบบการสอนคณิตศาสตร์ตามแนวการจัดการเรียนรู้เชิงรุก 3) รูปแบบการสอนคณิตศาสตร์ตามแนวการจัดการเรียนรู้เชิงรุก 4) แบบประเมินความเหมาะสมของรูปแบบการสอน 5) แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 20 แผน 6) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เป็นแบบปรนัย จำนวน 40 ข้อ 7) แบบทดสอบวัดความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ เป็นแบบอัตนัย จำนวน 5 ข้อ และ 8) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียน จำนวน 10 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ใช้ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานการทดสอบค่าที (t-test) แบบ Dependent และการวิเคราะห์เนื้อหา

ผลการวิจัยพบว่า

1) ผลการศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานที่เกี่ยวกับนโยบายการศึกษา แผนพัฒนาการศึกษาแห่งชาติ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 และหลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ แนวคิด ทฤษฎี งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับรูปแบบการสอนคณิตศาสตร์ตามแนวการจัดการเรียนรู้เชิงรุก พบว่า จากการสัมภาษณ์ครูผู้สอนคณิตศาสตร์ และนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 พบว่า วิธีการสอนที่เป็นอยู่ปัจจุบันส่วนใหญ่เป็นการสอนด้วยการบรรยาย เน้นเนื้อหามากกว่าการฝึกให้ผู้เรียนได้ลงมือคิด มีผลทำให้ผู้เรียนขาดโอกาสในการฝึกทักษะการคิด ทักษะการแก้ปัญหาและการคิดได้อย่างมีเหตุผล รูปแบบการเรียนการสอน กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ของครูผู้สอนยังคงใช้รูปแบบการสอนแบบยึดครูเป็นศูนย์กลาง (Teacher-Centered Method) เป็นวิธีสอนที่เน้นบทบาทของครูเป็นส่วนใหญ่ ผู้เรียนมีส่วนร่วมน้อยมากหรือไม่มีเลย และครูผู้สอนมีการนำสื่อเข้ามาใช้น้อย สื่อไม่มีความหลากหลาย ขาดความน่าสนใจ

2) รูปแบบการสอนคณิตศาสตร์ตามแนวการเรียนรู้เชิงรุก สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีองค์ประกอบคือ หลักการ วัตถุประสงค์ กระบวนการเรียนการสอน สาระความรู้ ทักษะกระบวนการ สิ่งที่ส่งเสริมการเรียนรู้ ระบบสังคม สิ่งสนับสนุนและหลักการตอบสนอง ซึ่งกระบวนการเรียนการสอนมี 5 ขั้นตอนคือ ขั้นที่ 1 สร้างแรงจูงใจ (Motivation : M) ขั้นที่ 2 ระบุสถานการณ์ปัญหา (Problem Identification : P) ขั้นที่ 3 การทำความรู้ให้ชัดเจน (Obvious Knowledge: O) ขั้นที่ 4 อธิบายขยายความรู้ (Explanation: E) และ ขั้นที่ 5 ประเมินผลโดยวิธี ที่หลากหลาย (Evaluation: E) และตามความคิดเห็นของผู้ทรงวุฒิมีความเหมาะสม ร้อยละ 92.50 และมีความเป็นไปได้ ร้อยละ 93.45 และแผนการจัดการเรียนรู้ตามแนวการเรียนรู้เชิงรุก สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 รายวิชาคณิตศาสตร์ อยู่ในระดับดี

3) ผลการใช้รูปแบบการสอนคณิตศาสตร์ตามแนวการจัดการเรียนรู้เชิงรุกเพื่อส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ เรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 พบว่า 3.1) ความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ของนักเรียน ที่ได้รับจากการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการสอนคณิตศาสตร์ตามแนวการเรียนรู้เชิงรุก มีจำนวนนักเรียนผ่านเกณฑ์คิดเป็นร้อยละ 89.47 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 3.2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง ทศนิยมและเศษส่วนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 หลังเรียนด้วยรูปแบบการสอนคณิตศาสตร์ตามแนวการเรียนรู้เชิงรุกสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3.3) ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการสอนคณิตศาสตร์ตามแนวการเรียนรู้เชิงรุกอยู่ในระดับมาก

4) จากการนำข้อมูลผลการทดลองใช้รูปแบบการสอนคณิตศาสตร์ตามแนวการจัดการเรียนรู้เชิงรุกเพื่อส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ เรื่อง ทศนิยมและเศษส่วนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ได้มีการเพิ่มเติมสิ่งสนับสนุน คือ การยืดหยุ่นเวลาในการเรียน ให้เหมาะสมกับการจัดกิจกรรมและหลักการตอบสนอง คือ การดูแลให้นักเรียนทุกคนมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันทั้งในกลุ่มย่อยและทั้งชั้นเรียนให้มากขึ้น

โพสต์โดย ปาณิส : [7 ก.พ. 2565 เวลา 14:59 น.]
อ่าน [1980] ไอพี : 223.206.247.202
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 277,897 ครั้ง
บัญชีอัตราเงินเดือนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาฯแนบท้าย พ.ร.บ.เงินเดือน 2550
บัญชีอัตราเงินเดือนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาฯแนบท้าย พ.ร.บ.เงินเดือน 2550

เปิดอ่าน 6,726 ครั้ง
เด็กไทยเรียนฟรี เมื่อไหร่?เป็นจริง
เด็กไทยเรียนฟรี เมื่อไหร่?เป็นจริง

เปิดอ่าน 61,833 ครั้ง
การอ่านแบบ  Skimming
การอ่านแบบ Skimming

เปิดอ่าน 10,336 ครั้ง
4 สาเหตุที่เด็กๆ เบื่อโรงเรียน
4 สาเหตุที่เด็กๆ เบื่อโรงเรียน

เปิดอ่าน 14,644 ครั้ง
15 วิธีการเลือกรถยนต์มือสองด้วยตัวเอง
15 วิธีการเลือกรถยนต์มือสองด้วยตัวเอง

เปิดอ่าน 9,298 ครั้ง
พิชิตสุขภาพการเงินที่ดีใน 31 วัน
พิชิตสุขภาพการเงินที่ดีใน 31 วัน

เปิดอ่าน 3,537 ครั้ง
น้ำมันปลาและน้ำมันตับปลาต่างกันอย่างไร
น้ำมันปลาและน้ำมันตับปลาต่างกันอย่างไร

เปิดอ่าน 11,697 ครั้ง
ระวัง นุ่งกางเกงคับรัดติ้ว แข้งขาเป็นเหน็บชาได้
ระวัง นุ่งกางเกงคับรัดติ้ว แข้งขาเป็นเหน็บชาได้

เปิดอ่าน 16,303 ครั้ง
วันออกพรรษา
วันออกพรรษา

เปิดอ่าน 51,583 ครั้ง
รับชมย้อนหลัง การประชุมทางไกลฯ ซักซ้อมความเข้าใจในการดำเนินการสอบแข่งขัน ครูผู้ช่วย ปี พ.ศ.2561
รับชมย้อนหลัง การประชุมทางไกลฯ ซักซ้อมความเข้าใจในการดำเนินการสอบแข่งขัน ครูผู้ช่วย ปี พ.ศ.2561

เปิดอ่าน 9,904 ครั้ง
วันเด็กปีนี้ ไปเที่ยวไหนดี
วันเด็กปีนี้ ไปเที่ยวไหนดี

เปิดอ่าน 12,180 ครั้ง
ทานผลไม้ ก็ช่วยป้องกันผมร่วงก่อนวัยได้
ทานผลไม้ ก็ช่วยป้องกันผมร่วงก่อนวัยได้

เปิดอ่าน 9,236 ครั้ง
อายุขัยชายเกือบไล่ทันหญิง เพราะปรับเปลี่ยนนิสัยการกินอยู่เสียใหม่
อายุขัยชายเกือบไล่ทันหญิง เพราะปรับเปลี่ยนนิสัยการกินอยู่เสียใหม่

เปิดอ่าน 27,429 ครั้ง
จะซื้อกล้องดิจิตอล ต้องดูอะไรบ้าง
จะซื้อกล้องดิจิตอล ต้องดูอะไรบ้าง

เปิดอ่าน 89,960 ครั้ง
ประวัติย่อของคณิตศาสตร์ : พีธาคอรัส (Pythagorus)
ประวัติย่อของคณิตศาสตร์ : พีธาคอรัส (Pythagorus)

เปิดอ่าน 19,661 ครั้ง
น้ำสมุนไพร ปรับสมดุลธาตุ เวลาไหนควรดื่ม
น้ำสมุนไพร ปรับสมดุลธาตุ เวลาไหนควรดื่ม
เปิดอ่าน 11,954 ครั้ง
7 วิธี ช่วยคุณจัดสรรเวลา
7 วิธี ช่วยคุณจัดสรรเวลา
เปิดอ่าน 14,876 ครั้ง
ไขปริศนา! น้ำดื่มมีวันหมดอายุด้วยหรือ
ไขปริศนา! น้ำดื่มมีวันหมดอายุด้วยหรือ
เปิดอ่าน 49,080 ครั้ง
ระบียบว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ. 2535
ระบียบว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ. 2535
เปิดอ่าน 15,180 ครั้ง
13-15 มี.ค อย่าพลาดชมปรากฏการณ์ "ดาวล้อมเดือน" ดาวศุกร์เคียงดาวพฤหัสบดี
13-15 มี.ค อย่าพลาดชมปรากฏการณ์ "ดาวล้อมเดือน" ดาวศุกร์เคียงดาวพฤหัสบดี

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ