ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การประเมินโครงการพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโดยใช้กลยุทธ์ “สานสายใยรัก” โรงเรียนสะนอพิทยาคม ปีการศึกษา 2563

ชื่อผลงาน : การประเมินโครงการพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน โดยใช้กลยุทธ์

“สานสายใยรัก” โรงเรียนสะนอพิทยาคม ปีการศึกษา 2563

ผู้รายงาน : นายยาการียา อาแว ผู้อำนวยการโรงเรียนสะนอพิทยาคม

สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาปัตตานี

ปีที่รายงาน : ปีการศึกษา 2563

บทคัดย่อ

การประเมินโครงการพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโดยใช้กลยุทธ์ “สานสายใยรัก” โรงเรียนสะนอพิทยาคม ปีการศึกษา 2563 มีวัตถุประสงค์การประเมินดังนี้ 1) เพื่อประเมินสภาพแวดล้อมโครงการพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโดยใช้กลยุทธ์ “สานสายใยรัก” โรงเรียนสะนอพิทยาคม ปีการศึกษา 2563 2) เพื่อประเมินปัจจัยนำเข้าโครงการพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโดยใช้กลยุทธ์ “สานสายใยรัก” โรงเรียนสะนอพิทยาคม ปีการศึกษา 2563 3) เพื่อประเมินกระบวนการโครงการพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโดยใช้กลยุทธ์ “สานสายใยรัก”

โรงเรียนสะนอพิทยาคม ปีการศึกษา 2563 4) เพื่อประเมินผลผลิตโครงการพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโดยใช้กลยุทธ์ “สานสายใยรัก” โรงเรียนสะนอพิทยาคม ปีการศึกษา 2563

4.1) ระดับคุณภาพของการพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโดยใช้กลยุทธ์ “สานสายใยรัก” โรงเรียนสะนอพิทยาคม ปีการศึกษา 2563 4.2) การมีส่วนร่วมของนักเรียน ครู ผู้ปกครอง และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานในการพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโดยใช้กลยุทธ์ “สานสายใยรัก” โรงเรียนสะนอพิทยาคม ปีการศึกษา 2563 4.3) ผลการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ของนักเรียนโรงเรียนสะนอพิทยาคม ปีการศึกษา 2563 และ 4.4) ความพึงพอใจของนักเรียน ครู ผู้ปกครอง และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานต่อการดำเนินโครงการพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโดยใช้กลยุทธ์ “สานสายใยรัก” โรงเรียนสะนอพิทยาคม ปีการศึกษา 2563 วิธีการประเมินโครงการแบ่งการประเมิน 4 ด้าน ของการพัฒนาตามโครงการ 3 ระยะ ดังนี้ ระยะที่ 1 ประเมินก่อนดำเนินโครงการดำเนินการประเมิน 2 ด้าน ได้แก่ 1.1) ประเมินสภาพแวดล้อมของโครงการ เป็นการประเมินโดยการสอบถามคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน และครู เพื่อพิจารณาความต้องการความจำเป็น ความเหมาะสมของวัตถุประสงค์ ความสอดคล้องกับนโยบายของหน่วยงาน และความเป็นไปได้ของโครงการ 1.2) ประเมินปัจจัยนำเข้าของโครงการ โดยการสอบถามครู เพื่อพิจารณาความพร้อมของบุคลากร ความเพียงพอของงบประมาณ ความเพียงพอของวัสดุอุปกรณ์/อาคารสถานที่ ความเหมาะสมของการบริหารจัดการ และผู้สนับสนุนโครงการ ระยะที่ 2 ประเมินระหว่างดำเนินโครงการ เป็นการประเมินกระบวนการของโครงการ โดยสอบถามนักเรียน ครูและผู้ปกครอง เพื่อพิจารณาการวางแผน การดำเนินการ การนิเทศ/กำกับติดตามประเมินผล และการนำผลการประเมินไปปรับปรุงพัฒนา และระยะที่ 3 ประเมินหลังดำเนินโครงการ เป็นการประเมินผลผลิตของโครงการ โดยสอบถามนักเรียน ครู และผู้ปกครอง เพื่อพิจารณาระดับคุณภาพของการพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนการมีส่วนร่วมของนักเรียน ครู และผู้ปกครองในการพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน ผลการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ของนักเรียน และความพึงพอใจของนักเรียน ครู และผู้ปกครองต่อการดำเนินโครงการพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโดยใช้กลยุทธ์ “สานสายใยรัก” ของโรงเรียนสะนอพิทยาคม กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ 1) นักเรียนโรงเรียนสะนอพิทยาคม ปีการศึกษา 2563 จำนวน 181 คน 2) ครู โรงเรียนสะนอพิทยาคม ปีการศึกษา 2563 จำนวน 29 คน 3) คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 13 คน และ 4) ผู้ปกครองนักเรียน ปีการศึกษา 2563 จำนวน 181 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ประกอบด้วยเครื่องมือ 2 ลักษณะ รวมทั้งสิ้น 7 ฉบับ ได้แก่ แบบสอบถามที่มีลักษณะเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) มี 5 ระดับ จำนวน 6 ฉบับ ได้แก่ ฉบับที่ 1 , 2 , 3 , 4 , 5 , 7 แบบบันทึกข้อมูลตามสภาพจริงเกี่ยวกับผลการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ของนักเรียน โรงเรียนสะนอพิทยาคม ปีการศึกษา 2562-2563 จำนวน 1 ฉบับ คือ ฉบับที่ 6 ได้แก่ ฉบับที่ 1 แบบสอบถามความคิดเห็นของครู และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อทราบเกี่ยวกับระดับความต้องการจำเป็น ความเหมาะสมของวัตถุประสงค์ ความสอดคล้องกับนโยบายของหน่วยงาน และความเป็นไปได้ของโครงการ จำนวน 15 ข้อ ฉบับที่ 2 แบบสอบถามความคิดเห็นของครู ด้านปัจจัยนำเข้าเพื่อทราบระดับความเหมาะสมเกี่ยวกับพร้อมของบุคคลากร ความเพียงพอของงบประมาณ ความพียงพอของวัสดุอุปกรณ์อาคารสถานที่ ความเหมาะสมของการบริหารจัดการและผู้สนับสนุนโครงการ จำนวน 15 ข้อ ฉบับที่ 3 แบบสอบถามความคิดเห็นของนักเรียน ครูและผู้ปกครอง ด้านกระบวนการ เพื่อทราบระดับคุณภาพเกี่ยวกับการวางแผน การดำเนินการจัดกิจกรรม การนิเทศ กำกับติดตามประเมินผล และการนำผลการประเมินไปปรับปรุงพัฒนา จำนวน 20 ข้อ ฉบับที่ 4 แบบสอบถามความคิดเห็นของนักเรียน ครูและผู้ปกครอง ด้านผลผลิตเพื่อทราบระดับคุณภาพการพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโดยใช้กลยุทธ์ “สานสายใยรัก” โรงเรียนสะนอพิทยาคม ปีการศึกษา 2563 จำนวน 40 ข้อ ฉบับที่ 5 แบบสอบถามความคิดเห็นของนักเรียน ครูผู้ปกครอง และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ด้านผลผลิตเพื่อทราบระดับคุณภาพเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของนักเรียน ครู ผู้ปกครองและคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ในการพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโดยใช้กลยุทธ์ “สานสายใยรัก” โรงเรียนสะนอพิทยาคม ปีการศึกษา 2563 จำนวน 20 ข้อ ฉบับที่ 6 แบบบันทึกผลการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ไม่พึ่งประสงของนักเรียนตามสภาพจริง และฉบับที่ 7 แบบสอบถามความคิดเห็นของนักเรียน ครูและผู้ปกครอง ด้านผลผลิตเพื่อทราบระดับความพึงพอใจที่มีต่อการดำเนินโครงการพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโดยใช้กลยุทธ์ “สานสายใยรัก” โรงเรียนสะนอพิทยาคม ปีการศึกษา 2563 จำนวน 20 ข้อ การเก็บรวบรวมข้อมูลได้แก่ ด้านสภาพแวดล้อม ประเมินวันที่ วันที่ 20-21 พฤษภาคม 2563 ด้านปัจจัยนำเข้า ประเมินวันที่ 21 พฤษภาคม 2563 ด้านกระบวนการ ประเมินวันที่ 19–23 สิงหาคม 2563 และด้านผลผลิต ประเมินวันที่ 2 – 18 มีนาคม 2564 การวิเคราะห์ข้อมูลวิเคราะห์ข้อมูลด้วยโปรแกรม SPSS สถิตที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ หาค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation)

ผลการประเมินพบว่า

1. ด้านสภาพแวดล้อมของโครงการพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโดยใช้กลยุทธ์ “สานสายใยรัก” โรงเรียนสะนอพิทยาคม ปีการศึกษา 2563 ตามความคิดเห็นของครูและคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน พบว่า ทั้งสองกลุ่มที่ประเมินมีค่าเฉลี่ยสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด ได้คะแนนรวมเฉลี่ย 15 ผ่านเกณฑ์การประเมินทั้งภาพรวมและทุกประเด็นตัวชี้วัด และเมื่อพิจารณาแต่ละกลุ่ม

ผู้ประเมิน พบว่า ครูมีความเห็นโดยรวมมีค่าเฉลี่ย (mu= 4.53, sigma= 0.55) อยู่ในระดับมากที่สุด ได้คะแนนรวมเฉลี่ย 15 ผ่านเกณฑ์การประเมิน ส่วนคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานมีความคิดเห็นโดยรวมมีค่าเฉลี่ย ( x̄= 4.28, S.D. = 0.68) อยู่ในระดับมากเช่นกัน ได้คะแนนรวมเฉลี่ย 15 ผ่านเกณฑ์

การประเมิน

2. ด้านปัจจัยนำเข้าของโครงการพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโดยใช้กลยุทธ์

“สานสายใยรัก” โรงเรียนสะนอพิทยาคม ปีการศึกษา 2563 ตามความคิดเห็นของครู พบว่า โดยรวมมีค่าเฉลี่ยสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด ได้คะแนนรวมเฉลี่ย 15 ผ่านเกณฑ์ การประเมินทุกประเด็นและทุกตัวชี้วัด มีค่าเฉลี่ย (mu= 4.42, sigma= 0.64) อยู่ในระดับมาก และเมื่อพิจารณาเป็นรายตัวชี้วัด

แต่ละด้าน พบว่า ด้านความพร้อมของบุคลากร มีค่าเฉลี่ยสูงสุด (mu=4.62, sigma=0.53) อยู่ในระดับมากที่สุด ได้คะแนนรวมเฉลี่ย 15 ผ่านเกณฑ์การประเมิน รองลงมาคือ ด้านความเหมาะสมของการบริหารจัดการโครงการ (mu = 4.49, sigma = 0.64) อยู่ในระดับมาก และด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ ผู้สนับสนุนโครงการ มีค่าเฉลี่ย (mu = 4.21 , sigma = 0.72) อยู่ในระดับมากเช่นกัน ได้คะแนนรวมเฉลี่ย 15 ผ่านเกณฑ์การประเมิน

3. ด้านกระบวนการดำเนินโครงการพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโดยใช้กลยุทธ์

“สานสายใยรัก” โรงเรียนสะนอพิทยาคม ปีการศึกษา 2563 ตามความคิดเห็นของนักเรียน ครู

และผู้ปกครอง พบว่า ทั้งสามกลุ่มที่ประเมินมีค่าเฉลี่ยสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด ได้คะแนนรวมเฉลี่ย 20

ผ่านเกณฑ์การประเมิน เมื่อพิจารณาแต่ละกลุ่ม ผู้ประเมิน พบว่า ครูมีความคิดเห็นโดยรวมมีค่าเฉลี่ย (mu= 4.38, sigma= 0.58) อยู่ในระดับมาก ได้คะแนนรวมเฉลี่ย 20 ผ่านเกณฑ์การประเมิน

ส่วนผู้ปกครองมีความคิดเห็นโดยรวม มีค่าเฉลี่ย ( x̄= 4.37, S.D.= 0.56) อยู่ในระดับมาก ได้คะแนนรวมเฉลี่ย 20 ผ่านเกณฑ์การประเมิน และนักเรียนมีความคิดเห็นโดยรวมมีค่าเฉลี่ย ( x̄= 4.27, S.D.= 0.60) อยู่ในระดับมากเช่นกัน ได้คะแนนเฉลี่ย 20 ผ่านเกณฑ์การประเมิน

4. ด้านผลผลิตของโครงการ พบว่า

4.1 ด้านผลผลิตของโครงการเกี่ยวกับระดับคุณภาพระบบดูแลช่วยเหลือโดยใช้

กลยุทธ์ “สานสายใยรัก” โรงเรียนสะนอพิทยาคม ปีการศึกษา 2563 ตามความคิดเห็นของนักเรียน ครูและผู้ปกครอง พบว่า ทั้งสามกลุ่มที่ประเมินมีค่าเฉลี่ยสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด ได้คะแนนเฉลี่ย 20 ผ่านเกณฑ์ การประเมินทั้งภาพรวมและทุกประเด็นตัวชี้วัด และเมื่อพิจารณาแต่ละกลุ่มที่ประเมิน พบว่า ครูมีความคิดเห็นโดยรวมมีค่าเฉลี่ย (mu= 4.53, sigma= 0.51) อยู่ในระดับมากที่สุด

ได้คะแนนรวมเฉลี่ย 20 ผ่านเกณฑ์การประเมิน รองลงมา นักเรียนมีความคิดเห็นโดยรวมมีค่าเฉลี่ย ( x̄= 4.46 , S.D. = 0.56) อยู่ในระดับมาก ได้คะแนนเฉลี่ย 20 ผ่านเกณฑ์การประเมิน และผู้ปกครองมีความคิดเห็นโดยรวมมีค่าเฉลี่ย ( x̄= 4.42, S.D.= 0.60) อยู่ในระดับมากเช่นกัน ได้คะแนนรวมเฉลี่ย 20 ผ่านเกณฑ์การประเมิน

4.2 ด้านผลผลิตของโครงการเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของนักเรียน ครู และผู้ปกครองนักเรียนในโครงการการพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน โดยใช้กลยุทธ์ “สานสายใยรัก”

โรงเรียนสะนอพิทยาคม ปีการศึกษา 2563 ตามความคิดเห็นของนักเรียน ครูและผู้ปกครอง พบว่า ทั้งสามกลุ่มที่ประเมินมีค่าเฉลี่ยสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด ได้คะแนนรวมเฉลี่ย 10 ผ่านเกณฑ์การประเมิน ทั้งภาพรวมและทุกประเด็นตัวชี้วัด เมื่อพิจารณาจำแนกตามกลุ่มผู้ประเมิน พบว่า

ครูมีความคิดเห็นโดยรวม มีค่าเฉลี่ย (mu= 4.50 , sigma= 0.65) อยู่ในระดับมาก ได้คะแนนรวมเฉลี่ย 10 ผ่านเกณฑ์การประเมิน ส่วนนักเรียนมีความเห็นโดยรวมมีค่าเฉลี่ย ( x̄= 4.47 , S.D. = 0.68) อยู่ในระดับมาก ได้คะแนนรวมเฉลี่ย 10 ผ่านเกณฑ์การประเมิน และผู้ปกครองมีความเห็นโดยรวมมีค่าเฉลี่ย ( x̄= 4.45, S.D. = 0.63) อยู่ในระดับมากเช่นกัน ได้คะแนนรวมเฉลี่ย 15 ผ่านเกณฑ์การประเมิน

4.3 ด้านผลผลิตโครงการเกี่ยวกับผลการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ของนักเรียนตามแบบบันทึกผลการประเมินตามสภาพจริง พบว่า ปีการศึกษา 2562 โดยภาพรวมมีจำนวนนักเรียนที่มีพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ จำนวน 105 คน คิดเป็นร้อยละ 33.23 ปีการศึกษา 2563 โดยภาพรวมมี จำนวนนักเรียนที่มีพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ จำนวน 32 คน คิดเป็นร้อยละ 9.94 แสดงให้เห็นว่า จำนวนนักเรียนที่มีพฤติกรรมนักเรียนที่ไม่พึงประสงค์ ลดลงจำนวน 73 คนคิดเป็น ร้อยละ 23.29 สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด ได้คะแนนรวมเฉลี่ย 10 ผ่านเกณฑ์การประเมิน

4.4 ด้านผลผลิตเกี่ยวกับความพึงพอใจของนักเรียนครู และผู้ปกครองนักเรียนต่อการดำเนินโครงการพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโดยใช้กลยุทธ์ “สานสายใยรัก”

โรงเรียนสะนอพิทยาคม ปีการศึกษา 2563 พบว่า ทั้งสามกลุ่มที่ประเมินมีค่าเฉลี่ยสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด ได้คะแนนรวมเฉลี่ย 10 ผ่านเกณฑ์การประเมิน ทั้งภาพรวมและทุกประเด็นตัวชี้วัดมีค่าเฉลี่ยความพึงพอใจ อยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาจำแนกตามกลุ่มที่ประเมิน พบว่า ครู มีความคิดเห็นโดยรวมมีค่าเฉลี่ยสูงสุด (mu=4.59 , sigma=0.54) อยู่ในระดับมากที่สุด ได้คะแนนรวมเฉลี่ย 10 ผ่านเกณฑ์การประเมิน รองลงมา ผู้ปกครอง มีความคิดเห็นโดยรวมมีค่าเฉลี่ย ( x̄=4.52 , S.D.= 0.65) อยู่ในระดับมากที่สุด ได้คะแนนรวมเฉลี่ย 10 ผ่านเกณฑ์การประเมิน ส่วนนักเรียน มีความคิดเห็นโดยรวมมีค่าเฉลี่ยต่ำสุด( x̄= 4.50 , S.D.=0.61) อยู่ในระดับมากที่สุด ได้คะแนนรวมเฉลี่ย 10 ผ่านเกณฑ์การประเมิน เช่นกัน

โพสต์โดย ยาการียา อาแว : [16 ม.ค. 2565 เวลา 21:37 น.]
อ่าน [1960] ไอพี : 124.122.39.141
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 11,816 ครั้ง
"เสือจับค้างคาว" ของขวัญพระราชทานปี
"เสือจับค้างคาว" ของขวัญพระราชทานปี '53

เปิดอ่าน 10,282 ครั้ง
5 วิธีในการตกลงเจรจาในภาษาอังกฤษให้เป็นผลสำเร็จ
5 วิธีในการตกลงเจรจาในภาษาอังกฤษให้เป็นผลสำเร็จ

เปิดอ่าน 15,754 ครั้ง
สรรพคุณของพืชผัก
สรรพคุณของพืชผัก

เปิดอ่าน 32,764 ครั้ง
หนึ่งศตวรรษผ่านไป "เวลา" ของ "ไอน์สไตน์" ยังถูกต้อง
หนึ่งศตวรรษผ่านไป "เวลา" ของ "ไอน์สไตน์" ยังถูกต้อง

เปิดอ่าน 9,957 ครั้ง
เข้าใจธรรมชาติของเด็ก มิติใหม่ครูไทยยุคดิจิตอล
เข้าใจธรรมชาติของเด็ก มิติใหม่ครูไทยยุคดิจิตอล

เปิดอ่าน 24,150 ครั้ง
รามเกียรติ์
รามเกียรติ์

เปิดอ่าน 19,523 ครั้ง
เกร็ดน่ารู้ของกาแฟ ... ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน
เกร็ดน่ารู้ของกาแฟ ... ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน

เปิดอ่าน 32,042 ครั้ง
ตำนานกระต่ายในดวงจันทร์
ตำนานกระต่ายในดวงจันทร์

เปิดอ่าน 11,215 ครั้ง
ออกกำลังกายคลายเครียดในออฟฟิศ เหนื่อยนักก็พักหน่อย
ออกกำลังกายคลายเครียดในออฟฟิศ เหนื่อยนักก็พักหน่อย

เปิดอ่าน 24,768 ครั้ง
กฎ ก.ค.ศ.ว่าด้วยการอุทธรณ์และการพิจารณาอุทธรณ์ พ.ศ.๒๕๕๐
กฎ ก.ค.ศ.ว่าด้วยการอุทธรณ์และการพิจารณาอุทธรณ์ พ.ศ.๒๕๕๐

เปิดอ่าน 28,482 ครั้ง
การศึกษาไทย เราโง่อย่างมีหลักการ
การศึกษาไทย เราโง่อย่างมีหลักการ

เปิดอ่าน 8,208 ครั้ง
Google Me เตรียมชนขาใหญ่ Facebook
Google Me เตรียมชนขาใหญ่ Facebook

เปิดอ่าน 7,878 ครั้ง
9 เคล็ดกับการใช้เงิน สำหรับคนอายุเริ่มต้นด้วยเลข 2
9 เคล็ดกับการใช้เงิน สำหรับคนอายุเริ่มต้นด้วยเลข 2

เปิดอ่าน 7,830 ครั้ง
ภัยร้ายรายวัน : อีเมลลวง !
ภัยร้ายรายวัน : อีเมลลวง !

เปิดอ่าน 27,510 ครั้ง
ข้อเสนอเชิงนโยบายการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา (2553)
ข้อเสนอเชิงนโยบายการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา (2553)

เปิดอ่าน 18,073 ครั้ง
ฮือฮา เปิดภาพลับ"สตีฟ จ็อบส์"คิดค้น"ไอแพด"ได้ตั้งแต่เมื่อ 20 ปีก่อน
ฮือฮา เปิดภาพลับ"สตีฟ จ็อบส์"คิดค้น"ไอแพด"ได้ตั้งแต่เมื่อ 20 ปีก่อน
เปิดอ่าน 7,521 ครั้ง
รื้อระบบ - แก้ยกแผงดันมหาวิทยาลัยไทยสู่ระดับโลก
รื้อระบบ - แก้ยกแผงดันมหาวิทยาลัยไทยสู่ระดับโลก
เปิดอ่าน 12,016 ครั้ง
บทร้อยกรองสำหรับการฝึกการออกเสียง สระเอือ
บทร้อยกรองสำหรับการฝึกการออกเสียง สระเอือ
เปิดอ่าน 50,081 ครั้ง
GPS คืออะไร
GPS คืออะไร
เปิดอ่าน 32,031 ครั้ง
ประโยชน์ของ "ขมิ้นต้น"
ประโยชน์ของ "ขมิ้นต้น"

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ