ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
วิจัยในชั้นเรียน เรื่อง การแก้ปัญหาการอ่านของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จากกิจกรรมบันทึกรักการอ่าน

การอ่านถือเป็นวาระแห่งชาติของประเทศไทย เพื่อส่งเสริมให้คนไทยได้เรียนรู้โดยการที่เป็นหลักใจความของหัวใจนักปราชญ์อีกข้อหนึ่งที่จะเป็นกระบวนการเรียนรู้ คือคนเราจำมีความรู้ได้จะต้องอ่านให้มากดัง หลักของพหุสูตรว่า สุ (สุตวา) คือ การฟัง จิ (จิตต) คือ การคิด ปุ (ปุจฉา) คือการถามหรือการอ่าน ลิ (ลิขิต) คือ การเขียน ดังนั้น เราต้องฟังให้มาก คิดให้แยบยล อ่านให้มาก ไม่เข้าใจก็ถาม เมื่อรู้แล้วกลัวลืมก็เขียนหรือจดบันทึก เป็นต้น

เพราะฉะนั้น ผู้วิจัยจึงได้เห็นความสำคัญของภาษาไทย โดยเริ่มที่นักเรียนเป็นกลุ่มเป้าหมายแรก ให้อ่านออกเขียนได้ และถือได้ว่าการอ่านเป็นวาระแห่งชาติของประเทศไทย ที่จะพัฒนาคน พัฒนาชาติ เพื่อพัฒนาให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ และสามารถอ่านออกเขียนได้ จึงได้จัดกิจกรรมบันทึกรักการอ่านสอดแทรกในการจัดการเรียนรู้ ในการพัฒนาผู้เรียนต่อไป

2. วัตถุประสงค์การวิจัย

2.1 เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนรู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ด้วยการอ่านหนังสือ

2.2 เพื่อแก้ปัญหาความเบื่อหน่ายในการอ่าน

3. วิธีดำเนินการวิจัย

3.1 ประชากร/กลุ่มตัวอย่าง

นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนสารวิทยา จำนวน 244 คน

3.2 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย

- แบบบันทึกการอ่าน

- แบบสอบถามเกี่ยวกับกิจกรรมบันทึกรักการอ่าน

3.3 ระยะเวลาในการดำเนินงาน

มิถุนายน 2563 - ธันวาคม 2563

3.4 ขั้นตอนการวิจัย

วิธีดำเนินงาน

ขั้นที่ 1 เตรียมการ

1.1 ศึกษาสภาพปัญหาและรวบรวมข้อมูล/ปัญหาการอ่านของนักเรียน

1.2 จัดทำโครงการ/เขียนเค้าโครงงานวิจัยในชั้นเรียน

1.3 ออกแบบและสร้างแบบสอบถามที่จะใช้ในงานวิจัย

ขั้นที่ 2 กิจกรรมรักการอ่าน

1.1 แบบสอบถามเกี่ยวกับกิจกรรมบันทึกรักการอ่าน

1.2 ให้ผู้เรียนอ่านหนังสือตามประเภทที่ชอบ

1.3 นำเสนอหน้าชั้นเรียนในเรื่องที่อ่านตามความสนใจ

ขั้นที่ 3 การประเมิน

1.1 การสังเกต

1.2 สมุดบันทึกรักการอ่านของนักเรียนรายบุคคล

3.5 ขั้นวิเคราะห์ข้อมูล

วิเคราะห์ข้อมูล

- วิเคราะห์ผลจากคะแนนที่ได้จากการทำสมุดบันทึกรักการอ่านของนักเรียนรายบุคคล

- แบบสอบถามเกี่ยวกับกิจกรรมบันทึกรักการอ่าน ของนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 5

สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล

การหาค่าร้อยละ

ค่าร้อยละ = X x 100

N

เมื่อ X = คะแนนที่ได้

N = จำนวนนักเรียนทั้งหมด

4. ผลการวิเคราะห์ข้อมูล

จากการศึกษาวิจัยในชั้นเรียนครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพฤติกรรมการอ่านของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนสารวิทยา ในเรื่องการอ่าน เพื่อนำผลการวิจัยมาเก็บเป็นข้อมูลเพื่อหาสาเหตุ และนำไปแก้ไขปัญหาในการเรียนการสอนและเพื่อให้นักเรียนเห็นความสำคัญของการอ่าน โดยใช้แบบสอบถามเพื่อศึกษาพฤติกรรมจำนวน 10 ข้อ โดยกลุ่มตัวอย่างซึ่งเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนสารวิทยา จำนวน 244 คน โดยสามารถวิเคราะห์ผลได้ดังนี้

โพสต์โดย เเสงดาว : [20 พ.ค. 2564 เวลา 11:56 น.]
อ่าน [3437] ไอพี : 110.164.159.194
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 803 ครั้ง
ภาวะหมดไฟในการทำงาน ภัยเงียบที่หลายคนมักมองข้าม
ภาวะหมดไฟในการทำงาน ภัยเงียบที่หลายคนมักมองข้าม

เปิดอ่าน 18,225 ครั้ง
ความรู้เรื่องเมืองสยาม
ความรู้เรื่องเมืองสยาม

เปิดอ่าน 26,811 ครั้ง
พระคาถาชินบัญชร สมเด็จพระพุฒาจารย์ ( โต พรหมรังสี )
พระคาถาชินบัญชร สมเด็จพระพุฒาจารย์ ( โต พรหมรังสี )

เปิดอ่าน 10,746 ครั้ง
รู้จัก "ไวรัสไข้หวัดหมู" มฤตยูสายพันธุ์ล่าสุด!
รู้จัก "ไวรัสไข้หวัดหมู" มฤตยูสายพันธุ์ล่าสุด!

เปิดอ่าน 14,405 ครั้ง
ประกาศแล้ว..ผลประกวดคำขวัญกรุงเทพ​ฯ
ประกาศแล้ว..ผลประกวดคำขวัญกรุงเทพ​ฯ

เปิดอ่าน 12,019 ครั้ง
ดาวน์โหลด Powerpoint การประชุม กศจ.ภาคใต้ และประเด็นน่าสนใจที่ครูควรรู้
ดาวน์โหลด Powerpoint การประชุม กศจ.ภาคใต้ และประเด็นน่าสนใจที่ครูควรรู้

เปิดอ่าน 7,881 ครั้ง
"ครูพันธุ์วิจัย" สร้างเด็กไทยคิดได้ทำเป็น
"ครูพันธุ์วิจัย" สร้างเด็กไทยคิดได้ทำเป็น

เปิดอ่าน 17,817 ครั้ง
รู้หรือไม่ว่า 10 ข้อที่เด็กทุกคนในโลกนี้ต้องการมากที่สุดคืออะไร
รู้หรือไม่ว่า 10 ข้อที่เด็กทุกคนในโลกนี้ต้องการมากที่สุดคืออะไร

เปิดอ่าน 16,649 ครั้ง
การศึกษาชำรุด-เด็กไม่รู้จักตัวเอง ปรับระบบสอบแค่แก้ปัญหาปลายเหตุ
การศึกษาชำรุด-เด็กไม่รู้จักตัวเอง ปรับระบบสอบแค่แก้ปัญหาปลายเหตุ

เปิดอ่าน 37,139 ครั้ง
ปลาสวยงาม
ปลาสวยงาม

เปิดอ่าน 13,897 ครั้ง
10 อันตรายทลายโลก จากเทคโนโลยี
10 อันตรายทลายโลก จากเทคโนโลยี

เปิดอ่าน 18,485 ครั้ง
คู่มือการประเมินคุณภาพภายนอกรอบสาม ระดับการศึกษาปฐมวัย (แรกเกิด-2ปี) ฉบับสถานศึกษา
คู่มือการประเมินคุณภาพภายนอกรอบสาม ระดับการศึกษาปฐมวัย (แรกเกิด-2ปี) ฉบับสถานศึกษา

เปิดอ่าน 16,342 ครั้ง
เงิน กับ ธรรมะ
เงิน กับ ธรรมะ

เปิดอ่าน 12,886 ครั้ง
โรคเอ็มเอส โรคร้ายของหนุ่มสาว
โรคเอ็มเอส โรคร้ายของหนุ่มสาว

เปิดอ่าน 198,954 ครั้ง
อิทธิบาท 4 ธรรมะที่ใช้ในการทำงาน สู่ความสำเร็จ
อิทธิบาท 4 ธรรมะที่ใช้ในการทำงาน สู่ความสำเร็จ

เปิดอ่าน 16,963 ครั้ง
ขนุน 8 เดือนติดผล เร็วกว่านี้ ไม่มีอีกแล้ว!
ขนุน 8 เดือนติดผล เร็วกว่านี้ ไม่มีอีกแล้ว!
เปิดอ่าน 50,822 ครั้ง
คำว่า "สวัสดี" เริ่มใช้อย่างเป็นทางการในไทย เมื่อวันที่ 22 ม.ค. พ.ศ.2486
คำว่า "สวัสดี" เริ่มใช้อย่างเป็นทางการในไทย เมื่อวันที่ 22 ม.ค. พ.ศ.2486
เปิดอ่าน 12,143 ครั้ง
วิจัยเผย เฟซบุ๊กทำให้คนมีความอิจฉามากขึ้น
วิจัยเผย เฟซบุ๊กทำให้คนมีความอิจฉามากขึ้น
เปิดอ่าน 13,687 ครั้ง
วิธีล้างคราบน้ำชาที่ติดแก้ว
วิธีล้างคราบน้ำชาที่ติดแก้ว
เปิดอ่าน 30,296 ครั้ง
ทำไม E = mc กำลัง 2 สมการสะท้านโลก
ทำไม E = mc กำลัง 2 สมการสะท้านโลก

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ