ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนในการแก้โจทย์ปัญหาทางฟิสิกส์ โดยใช้กระบวนการแก้โจทย์ปัญหาของโพลยา หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 งานพลังงาน รายวิชา ฟิสิกส์ 1

ความเป็นมาความสำคัญของปัญหา

การแก้โจทย์ปัญหาถือได้ว่า เป็นปัจจัยที่สำคัญมากในการเรียนการสอนวิชาฟิสิกส์ หาก

ขาดทักษะนี้การเรียน ก็ไม่สามารถเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากในการเรียนวิชาฟิสิกส์นั้นนักเรียนต้องทราบสิ่งที่โจทย์กำหนดมาและทราบว่าโจทย์ต้องการหาสิ่งใดก่อนที่จะใช้สูตรหรือสมการทางฟิสิกส์ในการคำนวณค่าที่ต้องการออกมา ซึ่งนักเรียนบางคนยังไม่สามารถวิเคราะห์โจทย์ปัญหาได้ว่าจากสิ่งที่โจทย์กำหนดและไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มหาคาตอบจากสมการอะไร ซึ่งถ้าหากนักเรียนไม่สามารถวิเคราะห์โจทย์ปัญหาได้แล้วก็ไม่สามารถที่จะแก้สมการหาคำตอบออกมาได้และนักเรียนบางคนสามารถที่จะวิเคราะห์โจทย์ได้แต่เมื่อแทนค่าลงในสมการแล้วนักเรียนไม่สามารถแก้สมการได้หรือแก้สมการด้วยวิธีที่ไม่ถูกต้องผลลัพธ์ที่ออกมาจึงเกิดความผิดพลาดไปด้วย

จากการเรียนการสอนในรายวิชาฟิสิกส์ เรื่องงานพลังงาน ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/1 จำนวน 28 คน พบว่า นักเรียนที่มีปัญหาด้านการแก้โจทย์ปัญหากล่าวคือ ไม่สามารถแทนค่าตัวแปรเพื่อหาค่าที่โจทย์ต้องการและไม่สามารถแก้โจทย์ปัญหาทางฟิสิกส์ได้ สังเกตได้จากการทำแบบฝึกหัดในห้องเรียน ซึ่งนักเรียนส่วนใหญ่ไม่สามารถทำได้ด้วยตนเอง ในการทำการบ้านที่ให้นักเรียนทำก็มักจะลอกมาส่ง ดังนั้นผู้วิจัยจึงค้นคว้าหาวิธีการที่จะช่วยพัฒนาทักษะดังกล่าวให้กับ นักเรียน พบว่าเทคนิคกระบวนการแก้โจทย์แบบโพลยา ใช้ในการแก้โจทย์ปัญหาจะช่วยให้นักเรียนเข้าใจในเนื้อหาที่เรียน ช่วยให้ผู้เรียนพัฒนาความสามารถในการคำนวณประยุกต์แก้โจทย์ทางฟิสิกส์ ผู้วิจัยจึงสนใจที่จะนำกระบวนการแก้โจทย์ปัญหาแบบโพลยา มาใช้ในการแก้โจทย์ปัญหาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/1 เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน

วัตถุประสงค์ของการวิจัย

1. เพื่อให้นักเรียนสามารถนำเทคนิคกระบวนการแก้โจทย์ปัญหาแบบโพลยา มาใช้ในการแก้โจทย์ปัญหาในรายวิชาฟิสิกส์ได้อย่างถูกต้อง

2. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อน - หลังเรียนวิชาฟิสิกส์ เรื่องงานและพลังงาน

วิธีดำเนินการวิจัย

1. ประชากร/กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/1 จำนวน 28 คน ภาคเรียนที่ 2

ปีการศึกษา 2562 โรงเรียนวัดอินทาราม

2. เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย/นวัตกรรม

2.1 เครื่องมือที่ใช้ในการทดลอง คือ ขั้นตอนในการคำนวณโดยใช้วิธีการกำหนด

ขั้นตอนการแก้โจทย์ปัญหาทางฟิสิกส์แบบโพลยา เพื่อให้นักเรียนเกิดทักษะการคำนวณการแก้ไขโจทย์ปัญหาทางฟิสิกส์ที่ถูกต้อง ดังนี้

ขั้นที่ 1 ทำความเข้าใจกับปัญหา

1. อ่านโจทย์ให้เข้าใจและวาดภาพประกอบพอเข้าใจ

2. พิจารณาว่าสิ่งที่โจทย์กำหนด ให้อะไรมา เขียนออกมาในรูปของสัญลักษณ์ของค่านั้น

3. วิเคราะห์ว่าต้องการหาอะไร (คำตอบ) เขียนออกมาในรูปของสัญลักษณ์ของค่านั้น

ขั้นที่ 2 วิเคราะห์ วางแผน

4. เลือกสมการ ที่สัมพันธ์กับสิ่งที่สถานการณ์ให้หา หรือกำหนดเขียนออกมาในรูปของสัญลักษณ์ของค่านั้น

ขั้นที่ 3 ดำเนินการตามแผน

5. แทนค่าข้อมูล(ตัวเลข) ตามสัญลักษณ์ (ตัวแปร)ในสมการ

6. แก้สมการหาคำตอบตามขั้นตอนทางคณิตศาสตร์

ขั้นที่ 4 พิสูจน์ ตรวจสอบคำตอบ และขยายผลปัญหา

7. ตรวจสอบความถูกต้องในขั้นตอนต่าง ๆ แล้วตอบคำถามทวนโจทย์

2.2 เครื่องมือในการเก็บข้อมูล คือ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาฟิสิกส์

เรื่อง งานพลังงาน เป็นแบบทดสอบแบบปรนัย 4 ตัวเลือก จำนวน 10 ข้อ

3. การเก็บรวบรวมข้อมูล

การเก็บรวบรวมข้อมูล

ผู้วิจัยได้ดำเนินตามขั้นตอนดังนี้

1. ให้นักเรียนทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนวิชาฟิสิกส์ เรื่อง งานและพลังงาน จำนวน 10 ข้อ

2. สร้างและกำหนดขั้นตอนในการคำนวณโดยใช้วิธีการกำหนดขั้นตอนการแก้ไขโจทย์

ปัญหาทางฟิสิกส์ ตามขั้นตอน ต่อไปนี้

2.1 ทบทวนความรู้เรื่องงานและพลังงาน

2.2 สอนขั้นตอนการแก้โจทย์ปัญหาฟิสิกส์แบบโพลยา

2.3 ให้นักเรียนฝึกทำแบบฝึกเสริมทักษะ

3. นักเรียนทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนวิชาฟิสิกส์ เรื่อง งานและพลังงาน จำนวน 10 ข้อ

การวิเคราะห์ข้อมูล/สถิติที่ใช้ในการวิจัย

จากการทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาฟิสิกส์ เรื่อง งานและพลังงานก่อนเรียนและหลังเรียน พบว่า คะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ดังแสดงในตารางที่ 1 ดังนี้

ตารางที่1 แสดงผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาฟิสิกส์ เรื่อง งานและพลังงาน ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/1

การประเมิน จำนวนนักเรียน คะแนนเต็ม คะแนน สูงสุด คะแนนต่ำสุด ค่าเฉลี่ย ร้อยละของคะแนนเต็ม

ก่อนเรียน 28 10 6 2 3.82 38.20

หลังเรียน 28 10 9 5 7.14 71.40

จากตารางที่ 1 พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียน ได้คะแนนสูงสุดเท่ากับ 6

คะแนน และคะแนนต่ำสุดเท่ากับ 2 คะแนน ได้คะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 3.82 คะแนน คิดเป็นร้อยละ

38.20 ของคะแนนเต็ม และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนได้คะแนนสูงสุดเท่ากับ 9 คะแนน และ

คะแนนต่ำสุดเท่ากับ 5 คะแนน ได้คะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 7.14 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 71.41 ของคะแนนเต็ม

สรุปผลการวิจัย

จากการใช้วิธีการกำหนดขั้นตอนการแก้โจทย์ปัญหาทางฟิสิกส์ สรุปผลได้ดังนี้

1. นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/1 สามารถนำเทคนิคกระบวนการแก้โจทย์ปัญหาแบบโพลยามาใช้ในการแก้โจทย์ปัญหาในรายวิชาฟิสิกส์ได้อย่างถูกต้อง

2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังใช้เทคนิคกระบวนการแก้โจทย์ปัญหาแบบโพลยา สูงกว่าก่อนเรียน

อภิปรายผลวิจัย

จากการวิจัยในครั้งนี้ พบว่า หลังจากนักเรียนได้เรียนโดยใช้วิธีการกำหนดขั้นตอนการแก้โจทย์ปัญหาแบบโพลยาแล้วสามารถแก้โจทย์ปัญหาในรายวิชาฟิสิกส์ได้อย่างถูกต้อง และมีความมั่นใจในการเรียนมากขึ้น

ข้อเสนอแนะ

1. ควรมีการแจ้งผลการทำใบงานและแบบทดสอบท้ายแผนเพื่อเป็นข้อมูลย้อนกลับให้นักเรียนทราบผลการทางานของตนเอง ซึ่งจะช่วยให้นักเรียนมีความกระตือรือร้นและสนใจเรียนมากขึ้น

2. ควรพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนที่เน้นความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาวิชาฟิสิกส์ ให้ครอบคลุมทั้งระดับช่วงชั้น (ม. 4 -6) เพื่อก่อให้เกิดความต่อเนื่องและเกิดกระบวนการเรียนรู้ที่เชื่อมโยงในรายวิชาฟิสิกส์

3. ควรนำเทคนิคขั้นตอนการแก้โจทย์ปัญหาแบบโพลยา ไปเปรียบเทียบกับรูปแบบการสอนแบบอื่นๆ

โพสต์โดย Bo_Natt798 : [10 ก.พ. 2563 เวลา 12:28 น.]
อ่าน [4124] ไอพี : 1.47.193.205
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 38,533 ครั้ง
ภาษาน่ารู้ ภาษาฝรั่งเศส ภาษาดัตช์ ภาษาอิตาเลียน
ภาษาน่ารู้ ภาษาฝรั่งเศส ภาษาดัตช์ ภาษาอิตาเลียน

เปิดอ่าน 21,259 ครั้ง
รวยๆ เฮงๆ กับของมงคลรับวันตรุษจีน
รวยๆ เฮงๆ กับของมงคลรับวันตรุษจีน

เปิดอ่าน 29,016 ครั้ง
ข้อบังคับคุรุสภาว่าด้วยการพิจารณาการประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ. 2553
ข้อบังคับคุรุสภาว่าด้วยการพิจารณาการประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ. 2553

เปิดอ่าน 20,185 ครั้ง
ประวัติกระดาษห่อลูกอมฮาร์ตบีท
ประวัติกระดาษห่อลูกอมฮาร์ตบีท

เปิดอ่าน 13,682 ครั้ง
ข่าวจริง! การใส่หน้ากากอนามัย ส่งผลร้ายต่อการทำงานของสมองของเด็กต่ำกว่า 12 ปี
ข่าวจริง! การใส่หน้ากากอนามัย ส่งผลร้ายต่อการทำงานของสมองของเด็กต่ำกว่า 12 ปี

เปิดอ่าน 14,125 ครั้ง
ประโยชน์ของมังคุด ราชินีแห่งผลไม้ไทยที่ต้องลิ้มลอง
ประโยชน์ของมังคุด ราชินีแห่งผลไม้ไทยที่ต้องลิ้มลอง

เปิดอ่าน 1,414 ครั้ง
สีเสื้อมงคล 2567 เสริมดวงปัง ตลอดปี
สีเสื้อมงคล 2567 เสริมดวงปัง ตลอดปี

เปิดอ่าน 22,339 ครั้ง
สเตียรอยด์ (Steroids) คืออะไร ?
สเตียรอยด์ (Steroids) คืออะไร ?

เปิดอ่าน 23,104 ครั้ง
เทรนด์ใหม่ แต่บ้านสวยด้วย wall stickers
เทรนด์ใหม่ แต่บ้านสวยด้วย wall stickers

เปิดอ่าน 16,304 ครั้ง
จุฬาฯวิจัยเปลือกมังคุดพบคุณค่าอื้อ ต้านอักเสบ รักษาเซลล์มะเร็ง
จุฬาฯวิจัยเปลือกมังคุดพบคุณค่าอื้อ ต้านอักเสบ รักษาเซลล์มะเร็ง

เปิดอ่าน 12,752 ครั้ง
ข้อดี เคี้ยวช้าลง เสริมสุขภาพให้ดีขึ้นได้
ข้อดี เคี้ยวช้าลง เสริมสุขภาพให้ดีขึ้นได้

เปิดอ่าน 28,406 ครั้ง
พระราชบัญญัติเงินเดือน เงินวิทยฐานะ และเงินประจำตำแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ฉบับที่ 2)
พระราชบัญญัติเงินเดือน เงินวิทยฐานะ และเงินประจำตำแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ฉบับที่ 2)

เปิดอ่าน 12,181 ครั้ง
พืชพรรณธรรมชาติ ที่ดีต่อผิวพรรณ
พืชพรรณธรรมชาติ ที่ดีต่อผิวพรรณ

เปิดอ่าน 15,263 ครั้ง
หมามุ่ย สมุนไพรสรรพคุณบรรเจิด เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ ทีเด็ดอยู่ที่เมล็ด
หมามุ่ย สมุนไพรสรรพคุณบรรเจิด เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ ทีเด็ดอยู่ที่เมล็ด

เปิดอ่าน 2,560 ครั้ง
อาการปวดท้องบ่งบอกโรค
อาการปวดท้องบ่งบอกโรค

เปิดอ่าน 12,897 ครั้ง
หนอนคืบ
หนอนคืบ
เปิดอ่าน 13,420 ครั้ง
กฎเหล็กที่ควรรู้ หากอยากมีหุ่นสุดเป๊ะ
กฎเหล็กที่ควรรู้ หากอยากมีหุ่นสุดเป๊ะ
เปิดอ่าน 38,399 ครั้ง
บัญชีราคามาตรฐานสิ่งก่อสร้าง (มกราคม 2559)
บัญชีราคามาตรฐานสิ่งก่อสร้าง (มกราคม 2559)
เปิดอ่าน 53,494 ครั้ง
ความหมายและความสำคัญของการเกษตร
ความหมายและความสำคัญของการเกษตร
เปิดอ่าน 9,996 ครั้ง
สรยุทธ แจง อมเงินโฆษณา อสมท 138ล.
สรยุทธ แจง อมเงินโฆษณา อสมท 138ล.

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ