ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
รายงานการวิจัย เรื่อง ผลการพัฒนาทักษะการเขียนด้วยชุดแบบฝึกการเขียน บันได 9 ขั้นสู่การเขียนชื่อ สกุล

รายงานการวิจัยในชั้นเรียน

ชื่อเรื่อง การพัฒนาทักษะการเขียนด้วยชุดแบบฝึกการเขียน บันได 9 ขั้นสู่การเขียนชื่อ – สกุล ของนักเรียนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/3 โรงเรียนภูเก็ตปัญญานุกูล

ชื่อผู้วิจัย นางสุกุล ศิลารักษ์

ทักษะ วิชาการ รหัสทักษะ ทว 21101 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562

ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา

การเขียนเป็นการถ่ายทอดความคิดความรู้สึกและความเข้าใจของตนเองออกมาเป็นตัวอักษร เพื่อสื่อความหมายให้ผู้อื่นเข้าใจทั้งยังเป็นเครื่องมือในการพัฒนาความคิด และสติปัญญา การเขียนจึงเป็นทักษะการแสดงออกทางภาษาที่สำคัญในการสอบและการเรียนทุกวิชา ต้องอาศัยการเขียนเพื่อบันทึกและแสดงความรู้สึกของตนออกมา การเขียนเป็นทักษะที่มีความยากและต้องอาศัยพื้นฐานความรู้ความสามาจึงจะเขียนตัวอักษรได้ การเขียนยังเป็นทักษะที่สลับซับซ้อนกว่าทักษะอย่างอื่น จะเห็นได้ว่าเด็กสามารถเขียนได้จะต้องสามารถฟัง พูด และอ่านได้มาก่อนในตอนเริ่มแรกเด็กจะต้องหัดเขียนเส้นต่างๆก่อนหลายอย่างประกอบกัน กล่าวคือ ต้องใช้ความสามารถทางสมอง สายตา และกล้ามเนื้อมือให้ประสานสัมพันธ์กัน เพื่อแสดงออกในรูปของลายลักษณ์อักษรเพื่อให้เด็กคนอื่นเข้าใจ ดังนั้น การฝึกเขียนให้กับเด็กก่อนวัยเรียน ครูผู้สอนต้องเข้าใจพัฒนาการและความพร้อมของเด็กแต่ละคน นอกจากนี้ครูจะต้องเข้าใจหลักการสอนเขียน เทคนิคและวิธีการจัดองค์ประกอบที่สามารถสนองตอบการเรียนรู้ของเด็กเป็นอย่างดี เพื่อเด็กได้ฝึกและเรียนรู้ได้เต็มศักยภาพที่มีอยู่ในตัวเด็ก การเขียนเป็นทักษะที่มีความยากมากกว่าทักษะการฟัง พูด และอ่าน เพราะการเขียนที่ดีต้องอาศัยความสามารถหลายอย่างประกอบกัน กล่าวคือ ผู้เขียนจะต้องใช้ความสามารถทางด้านสมอง สายตา และกล้ามเนื้อมือให้ประสานสัมพันธ์กันแล้วแสดงออกในรูปของระบบสื่อสารที่มนุษย์คิดขึ้นสาหรับใช้ติดต่อกัน ภาษาเขียนจึงช่วยพัฒนาความคิดสติปัญญาและทัศนคติ ความพร้อมในการเขียนของเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาจะเกิดขึ้นได้ ถ้าครูจัดกิจกรรมการเตรียมความพร้อมในการเขียนที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ การจัดกิจกรรมการเตรียมความพร้อมที่เหมาะและมีประสิทธิภาพควรคำนึงถึงลักษณะของเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา เด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาจะมีลักษณะความจำไม่ดี ลืมสิ่งที่เรียนไปแล้วเร็วกว่าเด็กปกติ ดังนั้น การให้เด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญามีโอกาสทำกิจกรรมซ้ำๆ บ่อยๆ จะช่วยให้เด็กเกิดความชำนาญ ทำได้ถูกต้อง ส่งผลให้เด็กมีการเรียนรู้ที่ดีขึ้น (พัชรีวัลย์ เกตุแก่นจันทร์, 2540) การฝึกเขียนเป็นการฝึกให้เด็กเริ่มใช้การขีดเขียนนับตั้งแต่ท่าทางในการนั่ง การจับดินสอ ให้เขียนลากเส้นโดยอิสระ ตามที่เด็กต้องการและเขียนเส้นในลักษณะต่างๆตามแนวหรือทิศทางที่กำหนด ซึ่งอาจพัฒนาเป็นเกมเล่นก็ได้ฝึกเขียนเส้นโดยอิสระ ฝึกเขียนตามที่กำหนดเพื่อคล่องมือเพื่อเตรียมเขียนอักษร (บันลือ พฤกษะวัน,2557)

จากการจัดการเรียนการสอนนักเรียนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/3 พบว่านักเรียนจำนวน 3 คนไม่สามารถเขียนชื่อ – สกุลของตนเองได้โดยจากการวิเคราะห์ผู้เรียนรายบุคคลพบว่านักเรียนทั้งหกคนสามารถเขียนตามรอยประได้แต่ไม่สามารถเขียนเส้นอิสระและพยัญชนะได้ เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวผู้ศึกษาได้ศึกษางานวิจัยและเอกสารทางวิชาการต่างๆพบว่ากิจกรรมการให้เด็กทำแบบฝึกจะช่วยให้เด็กได้มีโอกาสฝึกฝนทักษะต่างๆ ที่มีในแบบฝึกจนเกิดการเรียนรู้และแบบฝึกยังเป็นเครื่องมือสำคัญอย่างหนึ่งที่นำมาใช้ในการฝึกทักษะทางภาษาให้ได้ผลดีดังนั้น การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนสำหรับเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาจะต้องมีเทคนิค วิธีการ หรือกลเม็ดต่างๆ ที่จะช่วยให้วิธีการสอนหรือกระบวนการสอนเกิดผล และบรรลุจุดมุ่งหมายอย่างมีประสิทธิภาพ โดยต้องอาศัยการทำซ้ำ ย้ำทวน และฝึกฝนบ่อยๆ เพื่อให้เกิดทักษะ เกิดการจาและสามารถนำไปใช้ได้ ชุดกิจกรรม ชุดฝึกทักษะ แบบฝึกหัดหรือแบบฝึกทักษะก็เป็นสื่อการเรียนอีกประเภทหนึ่งสำหรับให้นักเรียนฝึกปฏิบัติ (วิมลรัตน์ สุนทรโรจน์, 2545)ด้วยเหตุนี้ผู้วิจัยจึงมีความสนใจในการพัฒนาชุดฝึกการเขียนการเขียนให้กับนักเรียนที่มีความความบกพร่องทางสติปัญญา ซึ่งเป็นงานวิจัยที่

วัตถุประสงค์ของการวิจัย

1. พัฒนาชุดแบบฝึกการเขียน บันไดทักษะ 9 ขั้นสู่การเขียนชื่อ – สกุล ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80

2. เพื่อพัฒนาทักษะการเขียนของนักเรียนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/3 โรงเรียนภูเก็ตปัญญานุกูล ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562

ขอบเขตของการวิจัย

การวิจัยครั้งนี้เป็นการศึกษาศึกษา เรื่องการพัฒนาทักษะการเขียนชื่อ – สกุลของนักเรียนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/3 โดยใช้ชุดแบบฝึกการเขียน 9 ขั้นสู่การเขียนชื่อ – สกุล

1. ประชากร/กลุ่มตัวอย่าง

ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562 ที่มีปัญหาด้านการเขียน

กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562 ที่มีปัญหาด้านการเขียน จำนวน 3 คน ได้มาโดยการสุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง

2. เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย/นวัตกรรม

2.1 แผนการจัดการเรียนรู้เรื่องการฝึกการเขียน

2.2 แบบทดสอบกระบวนการสอนฝึกเขียนด้วยแบบฝึกการเขียน 9 ขั้นสู่การเขียนชื่อ – สกุล

ขั้นที่ 1 การเขียนเส้นตรงตามแนวดิ่งและแนวนอนอย่างอิสระ

ขั้นที่ 2 การเขียนเส้นตรงแนวดิ่ง ตามตัวอย่าง

ขั้นที่ 3 การเขียนเส้นตรงแนวนอน ตามตัวอย่าง

ขั้นที่ 4 การเขียนเส้นวงกลมบวกกับเส้นตรงแนวดิ่งแบ่งออกเป็น 4 รูปแบบ

4.1 รูปแบบที่ 1 คือ q ตัวอย่าง =

4.2 รูปแบบที่ 2 คือ P ตัวอย่าง =

4.3 รูปแบบที่ 3 คือ d ตัวอย่าง =

4.4 รูปแบบที่ 4 คือ b ตัวอย่าง =

ขั้นที่ 5 การเขียนเส้นวงกลมบวกกับเส้นโค้งบวกกับเส้นตรงแนวดิ่ง ตามตัวอย่าง O M I

ขั้นที่ 6 การเขียนเส้นฟันปลา W ตามตัวอย่าง

ขั้นที่ 7 การเขียนตัวพยัญชนะไทยชื่อของตนเองตามรอยประ

ขั้นที่ 8 การเขียนชื่อพยัญชนะไทยชื่อของตนเองตามตัวอย่าง

ขั้นที่ 9 การเขียนตัวพยัญชนะไทยชื่อของตนเองตามคำสั่งได้ถูกต้อง

3. การเก็บรวบรวมข้อมูล ผู้วิจัยได้ดำเนินตามขั้นตอนดังนี้

1. นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน ( Pre-test ) ได้นักเรียนกลุ่มตัวอย่างที่ทำคะแนนแบบทดสอบต่ำกว่าร้อย

2. สร้างและกำหนดรูปแบบการพัฒนาทักษะการเขียน และแบบฝึกเพื่อพัฒนาทักษะการเขียน ตามขั้นตอน 9 ขั้นตอน ต่อไปนี้

2.1 ทดสอบก่อนเรียน

2.2 ทบทวนความรู้เกี่ยวกับการเขียน

2.3 นักเรียนฝึกเขียนด้วยแบบฝึกการเขียน 9 ขั้นสู่การเขียนชื่อ – สกุล

3. นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน ( Post-test )

4. ขั้นวิเคราะห์ข้อมูล

4.1 วิเคราะห์ข้อมูล

- วิเคราะห์ผลจากคะแนนที่ได้จากการทำแบบทดสอบก่อนเรียน แบบฝึกหัด และแบบทดสอบ

หลังเรียน

4.2 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล

4.2.1 การหาค่าเฉลี่ย ( x )

( x ) = x

N

เมื่อ x = ค่าเฉลี่ย

X = คะแนนที่ได้

N = จำนวนนักเรียนทั้งหมด

= ผลรวมของคะแนนทั้งหมด

4.2.2 การหาค่าร้อยละ

ค่าร้อยละ = คะแนนที่ได้ x 100

คะแนนเต็ม

4.2.3 การคำนวณหาค่าประสิทธิภาพของนวัตกรรมคำนวณโดยใช้สูตร

E 1 = 100

เมื่อ E 1 หมายถึง ประสิทธิภาพของกระบวนการ

X หมายถึง คะแนนรวมของแบบฝึกหัดหรืองาน

A หมายถึง คะแนนเต็มของแบบฝึกหัดทุกชิ้นรวมกัน

N หมายถึง จำนวนผู้เรียน

E2 = 100

เมื่อ E2 หมายถึง ประสิทธิภาพผลลัพธ์

 F หมายถึง คะแนนรวมของการสอบหลังเรียน

B หมายถึง คะแนนเต็มของแบบทดสอบ

N หมายถึง จำนวนผู้สอบ

4.2.4 ค่าเฉลี่ย (Mean) กาญจนา วัฒายุ (๒๕๔๕, หน้า ๑๐๖) ได้ให้ความหมายไว้ว่า เป็นค่ากลางของจำนวนข้อมูล ใช้สูตรสัญลักษณ์ทางสถิติว่า มีสูตรสำหรับการคิดคำนวณ ดังนี้

=

เมื่อ หมายถึง ค่าเฉลี่ย

หมายถึง ผลรวมของคะแนนทั้งหมด

N หมายถึง จำนวนนักเรียน

4.2.5 การหาค่าดัชนีประสิทธิผล ( The Effectivenss Index) ของชุดการสอน แกะสลักเอกลักษณ์ไทย โดยใช้วิธีกูดแมน เฟลทเชอร์ และชไลเดอร์ (Goodman, Flecther and Schneider)อ้างถึงใน ( เตชินทร์ แสงสอดแก้ว : 49)

E.I =

เมื่อ P1 แทน ผลรวมคะแนนก่อนเรียนทุกครั้ง

P2 แทน ผลรมคะแนนหลังเรียนทุกครั้ง

T๐tal แทน ผลคูณของจำนวนนักเรียนกับคะแนนเต็ม

4. การวิเคราะห์ข้อมูล/สถิติที่ใช้ในการวิจัย ผลการวิจัย การประเมินผลจากการอ่านของนักเรียนจากเกณฑ์ที่กำหนดของแต่ละชุด คือ

ตารางที่ 1 ตารางแสดงการพัฒนาทักษะการเขียนด้วยแบบฝึกชุดฝึกเขียนด้วยแบบฝึกการเขียน 9 ขั้นสู่การเขียนชื่อ – สกุล

จำนวนนักเรียน (N) ก่อนเรียน หลังเรียน ร้อยละ

1 2 3 4

5 6 7 8 9

ด.ญ กนกกานต์ บุตรหล้า 5 8 9 9 8 8 8 9 7 8 9 90.00

ด.ชวรัตถ์ ช่วยเมือง 5 8 8 9 8 8 8 9 8 7 8 80.00

ด.ญ วนัสนันท์ เครือวัลย์ 6 8 9 9 9 9 9 9 7 7 9 90.000

จากตาราง 1 พบว่านักเรียนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาที่เรียนด้วยแบบฝึกชุดสนุกลากเส้น มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเฉลี่ย (X ̅) จากการทำแบบทดสอบท้ายบทเรียน เท่ากับ 223 คะแนนจากคะแนนเต็ม 90 คะแนนซึ่ง

คิดเป็นร้อยละ 82.59 และมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเฉลี่ย (X ̅) จากการทำแบบทดสอบหลังเรียนเท่ากับ 9 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 86.67

แสดงว่าประสิทธิภาพของกระบวนการ (E_1) เท่ากับ 82.59 และประสิทธิภาพของผลลัพธ์ (E_2) เท่ากับ 86.67 สรุปได้ว่าประสิทธิภาพของพัฒนาแบบฝึกชุดพัฒนาทักษะการเขียนด้วยแบบฝึกชุดฝึกเขียนด้วยแบบฝึกการเขียน 9 ขั้นสู่การเขียนชื่อ – สกุลเท่ากับ 82.59/86.67 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ความมุ่งหมายของการศึกษาค้นคว้าที่กำหนดไว้เป็นไปตามเกณฑ์ 80/80

ตารางที่ 2: แสดงผลการคำนวณดัชนีประสิทธิผล แบบฝึกชุดสนุกลากเส้น

จำนวนนักเรียน

(N) คะแนนเต็ม ผลรวมคะแนนก่อนเรียน ผลรวมคะแนนหลังเรียน ดัชนีประสิทธิผล

3 10 17 26 0.69

จากตารางที่ 2 ตารางเปรียบเทียบคะแนนก่อนและหลังการพัฒนาทักษะการเขียน

จากตารางเปรียบเทียบพบว่า หลังการพัฒนาทักษะการเขียนด้วยแบบฝึกชุดพัฒนาทักษะการเขียนด้วยแบบฝึกชุดฝึกเขียนด้วยแบบฝึกการเขียน 9 ขั้นสู่การเขียนชื่อ – สกุล พบว่า นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น มีค่าประสิทธิผล 0.69

อภิปรายผลการวิจัย

จากการวิจัยในครั้งนี้ พบว่า หลังจากนักเรียนได้ฝึกเขียนด้วยแบบฝึกการเขียนด้วยแบบฝึกการเขียน 9 ขั้นสู่การเขียนชื่อ – สกุลนักเรียนมีทักษะการเขียนดีขึ้น และมีความมั่นใจในการเขียนมากขึ้นเนื่องการการพัฒนาแบบฝึกการเขียนยึดผู้เรียนเป็นสำคัญและพัฒนาขึ้นตามความเหมาะสมของผู้เรียนและให้นักเรียนฝึกซ้ำๆ

ข้อเสนอแนะ

การอ่าน - เขียนเป็นทักษะซึ่งจะสัมฤทธิ์ผลได้จากการกระทำอย่างต่อเนื่อง และหรือสม่ำเสมอ ดังนั้นจึงควรมีการพัฒนาทักษะการเขียนต่อไป โดยการกระตุ้น ให้นักเรียนเห็นความสำคัญและรักการเขียน โดยครูผู้สอนสังเกตการเขียนเป็นระยะๆ และควรพัฒนาทักษะการเขียน กับนักเรียนในระดับชั้นอื่นๆ

ภาพตัวอย่างสื่อนวัตกรรม

โพสต์โดย kru dang : [25 ก.ย. 2562 เวลา 09:06 น.]
อ่าน [6460] ไอพี : 118.174.196.212
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 34,199 ครั้ง
หลักในการบริหารเวลาของคนเป็นครู
หลักในการบริหารเวลาของคนเป็นครู

เปิดอ่าน 15,957 ครั้ง
ปี 2558 จะยาวขึ้น 1 วินาที เพราะโลกหมุนช้าลง
ปี 2558 จะยาวขึ้น 1 วินาที เพราะโลกหมุนช้าลง

เปิดอ่าน 12,681 ครั้ง
๒๐ คำถามกับท่าน ว.วชิรเมธี
๒๐ คำถามกับท่าน ว.วชิรเมธี

เปิดอ่าน 22,399 ครั้ง
คู่มือประเมินคุณภาพภายนอกรอบสาม(พ.ศ.2554-2558) ระดับการศึกษาปฐมวัย (2-5ปี) ฉบับสถานศึกษา(แก้ไข)
คู่มือประเมินคุณภาพภายนอกรอบสาม(พ.ศ.2554-2558) ระดับการศึกษาปฐมวัย (2-5ปี) ฉบับสถานศึกษา(แก้ไข)

เปิดอ่าน 10,703 ครั้ง
แอปเปิลเปิดตัว iPhone 5S และ iPhone 5C อย่างเป็นทางการ(10ก.ย.56)
แอปเปิลเปิดตัว iPhone 5S และ iPhone 5C อย่างเป็นทางการ(10ก.ย.56)

เปิดอ่าน 56,763 ครั้ง
ระบบการสอนของเคมพ์ (Jerrold/Kemp)
ระบบการสอนของเคมพ์ (Jerrold/Kemp)

เปิดอ่าน 9,641 ครั้ง
สามเณรน้อย ท่องบทธัมมจักกัปปวัตตนสูตรคล่องมาก ทึ่งสวดมนต์ตั้งแต่ยังอ่านไม่ออก
สามเณรน้อย ท่องบทธัมมจักกัปปวัตตนสูตรคล่องมาก ทึ่งสวดมนต์ตั้งแต่ยังอ่านไม่ออก

เปิดอ่าน 8,259 ครั้ง
การศึกษาไทยด้อยคุณภาพ....แล้วจะปฏิรูปอย่างไร?
การศึกษาไทยด้อยคุณภาพ....แล้วจะปฏิรูปอย่างไร?

เปิดอ่าน 9,904 ครั้ง
อยากได้งาน ตกงานต้องอ่าน? เทคนิคหางานแบบเซียนตัดเซียน
อยากได้งาน ตกงานต้องอ่าน? เทคนิคหางานแบบเซียนตัดเซียน

เปิดอ่าน 21,047 ครั้ง
สุนัขบ้ากัด
สุนัขบ้ากัด

เปิดอ่าน 16,053 ครั้ง
ดื่มน้ำ 8 แก้วไม่เพียงพอแล้ว
ดื่มน้ำ 8 แก้วไม่เพียงพอแล้ว

เปิดอ่าน 1,825 ครั้ง
นมฟลูออไรด์ ป้องกันฟันผุ
นมฟลูออไรด์ ป้องกันฟันผุ

เปิดอ่าน 15,813 ครั้ง
ไม่อยากเสียเงินฟรี ต้องอ่าน ก่อนติดฟิล์มกระจกบ้านต้องรู้อะไรบ้าง
ไม่อยากเสียเงินฟรี ต้องอ่าน ก่อนติดฟิล์มกระจกบ้านต้องรู้อะไรบ้าง

เปิดอ่าน 14,665 ครั้ง
ความลับของการเลี้ยงลูก พ่อแม่ยุคนี้ ช่วยสละเวลาสัก 2 นาที อ่านหน่อยเถอะ
ความลับของการเลี้ยงลูก พ่อแม่ยุคนี้ ช่วยสละเวลาสัก 2 นาที อ่านหน่อยเถอะ

เปิดอ่าน 7,208 ครั้ง
จุดยืนของ มหาวิทยาลัยราชภัฏ
จุดยืนของ มหาวิทยาลัยราชภัฏ

เปิดอ่าน 11,557 ครั้ง
ชมคลิป ยอดคุณพ่อเวียดนามจับลูกใส่ถุงพลาสติก พาลุยน้ำท่วมไปโรงเรียน
ชมคลิป ยอดคุณพ่อเวียดนามจับลูกใส่ถุงพลาสติก พาลุยน้ำท่วมไปโรงเรียน
เปิดอ่าน 11,581 ครั้ง
รักต้องเปิด (แน่นอก ) เวอร์ชั่นนี้ ฮาระเบิดระเบ้อ!
รักต้องเปิด (แน่นอก ) เวอร์ชั่นนี้ ฮาระเบิดระเบ้อ!
เปิดอ่าน 16,735 ครั้ง
ครูยุคใหม่ แค่มีจิตวิญญาณครู-ไม่พอ
ครูยุคใหม่ แค่มีจิตวิญญาณครู-ไม่พอ
เปิดอ่าน 12,237 ครั้ง
จะยุบโรงเรียนขนาดเล็กอีกกี่แห่ง? : รองศาสตราจารย์ ดร.สมบัติ นพรัก
จะยุบโรงเรียนขนาดเล็กอีกกี่แห่ง? : รองศาสตราจารย์ ดร.สมบัติ นพรัก
เปิดอ่าน 16,624 ครั้ง
ใครเป็นหนี้???..มีทางออก
ใครเป็นหนี้???..มีทางออก

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ